หนุ่มนักศึกษาปี 3 ถูกคอลเซนเตอร์หลอกสูญเงินเกือบแสน เผย หลงเชื่อเพราะใช้ซิมมือถือค่ายที่คอลเซนเตอร์แจ้งถูกต้อง แม้จะเคยดูข่าวมาก่อน แต่ครั้งนี้เชื่อจนสนิทใจ เพราะจิตวิทยาของคอลเซนเตอร์
30 มกราคม 2568 นายวณุรันย์ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง เพื่อแจ้งความและอายัดบัญชี หลังถูกแก๊งค์คอลเซนเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของค่ายมือถือดัง และอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกให้โอนเงินไป เพื่อตรวจสอบสูญเงินเกือบ 80,000 บาท
นายวณุรันย์ เผยว่า วานนี้ เวลาประมาณ 08.00 น.มีคนโทรเข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของค่ายโทรศัพท์ดัง แจ้งว่า ตนเองได้มีการเปิดซิมมือถือ โดยเปิดที่จ.ตาก ตนเองก็ยืนยันกลับไปว่า ตนเองไม่ได้เปิด จากนั้นปลายสายบอกว่า หากไม่ใช่นั้นจะโอนสายไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทาง สภ.เมืองตาก เมื่อมีการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าให้ตนเองแอดไลน์เพื่อสนทนา จากนั้นก็มีการวิดีโอคอลคุยกันจากนั้นปลายสายที่สนทนาบอกว่า ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงินของชายอีกคน โดยมีการเปิดบัญชีม้าของธนาคากรุงไทย เป็นเงิน 8.7 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบแล้ว เงินจำนวนนี้แบ่งให้ตนเอง 8.7 แสนบาท ตนเองก็บอกไปว่าไม่เกี่ยวข้อง หากไม่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบเงิน โดยให้แชร์อั่งเปาจากทรูมันนี่
โดยให้ตนเองกดเข้าไปในระบบ ก่อนที่ปลายทางจะกดเอาในระบบ จากนั้นที่อ้างเป็นตำรวจบอกว่า จะไปพบคนใหญ่คนโต ให้ตนเองแอดไปอีกไลน์หนึ่ง ซึ่งชื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้ตนเองบล็อกไลน์ สภ.เมืองตาก จากนั้นไลน์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่า ตนเองต้องถูกคุมขังแล้ว แต่สามารถช่วยได้ แต่ต้องโอนเงินจำนวนสามแสนบาทไปโดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะช่วยออกให้บางส่วน ก่อนที่ไลน์กรมสอบสวนคดีพิเศษจะวิดีโอคอลดูรอบบ้าน เพราะจะได้ไม่ต้องส่งคนมาตรวจสอบบ้าน โดยมีการคอลดูห้องทั้งหมดและดูทรัพย์สินมีค่า โดยตนเองจึงต้องนำสร้อยคอทองคำ 2 บาทของพ่อไปจำนำ ได้เงินมา 77,250 บาท โดยมีการโอนเงินไปครั้งแรกในบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อจื่อหยิ่ง แซ่หยาง
โดยรอบแรกโอนไป 32,250 บาท และอีกรอบ 45,000 บาท เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฏหมาย จากนั้นก็มีการคุยกันเรื่อยมา และยังให้ตนเองไปหาเงินและห้ามบอกเกี่ยวกับเรื่องคดี มิเช่นนี้จะถูกขัง หลังจากนั้นปลายสายกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังให้ตนเองนำกรอบทองพระเครื่องไปจำนำ ตนเองจึงเดินทางไปร้านทองพร้อมพระเลี่ยมทองจำนวน 6 อง ค์แต่ทางร้านแจ้งว่าต้องเสียค่าตรวจสอบครั้งละ 50 บาท ตนเองจึงบอกไปว่าไม่มีเงิน ปลายสายยังให้ตนเองขอเลขบัญชีทางร้านทองมา และโอนเงินค่าตรวจให้อีกจำนวน 300 บาท โดยโอนให้ทางร้าน แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นทองไม่แท้ และพยายามพูดคุยกับปลายสายที่เป็นชื่อไลน์กรมสอบสวนคดีพิเศษอีก และแจ้งว่าทองไม่แท้ จากนั้นปลายสายก็ไม่สนทนาต่ออีกเลย
ทั้งนี้ ตนเองหลงเชื่อเพราะตนเองก็ใช้ซิมมือถือค่ายที่แจ้งมาอยู่ และมีการเปิดซิมใหม่ โดยใช้บัตรประชาชนตนเองจึงเชื่อใจมาก และตนเองก็ไม่สะดวกที่จะไปพบตำรวจที่ สภ.เมืองตาก ได้ยังมีการให้บริการทำให้ตนเองเชื่อใจ ตนเองก็เคยดูข่าวมาก่อน แต่ครั้งนี้ตนเองเชื่อสนิทใจ ตอนหลังตนเองหาเงินได้ไม่พอที่จะโอนไป เพื่อจะโอนไปให้ครบสามแสนบาท จึงเล่าให้แม่ฟังหากจะต้องติดคุก แม่เลยเชื่อว่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกแน่นอน