เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีคนขับโบลต์ ขับรถรับผู้โดยสาร 5 คน จากย่านสถานบันเทิง ซอยมารีน ไปส่งที่ ซอยบัวขาว ตำบลหนองปรือ จังหวัดชลบุรี ระหว่างนั่งรถมา คนขับเห็นว่าลูกค้าเมา จึงไม่ได้ร่วมสนทนาด้วย ทำให้กลุ่มลูกค้าไม่พอใจด่าเหยียดอาชีพ จนเกิดเรื่องบานปลายทำร้ายร่างกายกัน เดี๋ยววันนี้มาฟังอีกมุม ของกลุ่มลูกค้ากันบ้าง จะชี้แจงว่าอย่างไร
คำชี้แจงจากฝั่งของ นางสาวจินตนา อายุ 40 ปี กลุ่มนักท่องเที่ยวคู่กรณีที่รุมทำร้ายร่างกาย นายสุรเดช คนขับโบลต์
โดยอธิบายอีกมุมว่า เรื่องที่เกิดไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย วันนั้น ชายชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ด้านหน้า มีอาการเมาเล็กน้อย ส่วนพวกตนอีก 4 คน ไม่มีใครเมา
ซึ่งชายชาวต่างชาติบอกคนขับอย่างสุภาพว่า ช่วยเปิดเพลงให้ฟังหน่อย 1 เพลง แต่คนขับไม่ยอมพูดด้วย แถมยังทำหน้าบึ้งตึง พอถึงที่หมาย ชายชาวต่างชาติ ถามคนขับอีกว่า "คุณโอเค หรือไม่" แต่คนขับยังเฉย เธอเองจึงพูดว่า "พี่คะ มารยาทไม่ดีเลย อย่างน้อย ๆ ก็คุยกับเขาสักคำก็ยังดี"
เธอยืนยันว่า ไม่มีการเหยียดอาชีพคนขับอย่างแน่นอน มีแต่คนขับที่ตะโกนด่าหยาบคาย เธอจึงโมโห ปรี่ไปเอาเรื่องคนขับ ตอนนี้อยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมพวกเธอด้วย
วานนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาเจรจาไกล่เกลี่ยในเบื้องต้น
ฝ่ายคู่กรณีของโบลต์ มาให้การกับตำรวจ 2 คน คือ นางสาวจินตนา และนางสาวบุปผา โดยทั้ง 2 ฝ่าย มีการเผชิญหน้ากันครั้งแรกหลังเกิดเรื่อง
โดย นายสุรเดช คนขับโบลต์ เรียกร้องให้ซ่อมรถเก๋ง ที่ถูกทำให้เสียหาย แต่คู่กรณีไม่ยอม และจะขอแจ้งความกลับ ในข้อหา หมิ่นประมาท และ พรบ.คอมพิวเตอร์ เพราะถูกคนขับโบลต์ ด่าหยาบคาย แถมยังนำภาพไปโพสต์ประจาน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ทางตำรวจพยายามไกล่เกลี่ย นานร่วมเกือบ 2 ชั่วโมง แต่สุดท้าย ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ตำรวจจึงตัดสินใจปล่อยให้คดีเป็นตามขั้นตอนกฏหมาย พิสูจน์กันด้วยหลักฐานว่าใครถูกใครผิด