หนุ่มจิตเวชดับปริศนา แม่หลั่งน้ำตา ไม่ให้อภัย เชื่อลูกต้องตาย เพราะนิสัยก้าวร้าว แต่ไม่คิดว่าต้องจบชีวิตอนาถขนาดนี้
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ร.ต.อ.นันทวัฒน์ วงษาหมั่น รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ปรางค์กู่ รับแจ้งเหตุ มีคนนอนเสียชีวิตอยู่หน้าตู้เติมเงิน ของริมถนน ที่บ้านทางโค้ง ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายวัชรากร พ่อนามแดง อายุ 46 ปี เป็นคนจิตเวชในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ สภาพศพตรงศีรษะ และตรงบริเวณท้อง มีรอยถูกของมีคมบาด และตามลำตัวมีถูกของมีคมแทง เลือดกองเต็มพื้น และจากการตรวจสอบพบมีร่องรอยลักษณะคล้ายการต่อสู้ มี มีด และขวาน ซึ่งคาดว่าใช้ในการก่อเหตุ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นอกจากนี้ตู้เย็นติดป้ายขายไว้ที่ปากทางเข้าบ้านผู้เสียชีวิต และมีป้ายอีกหลายป้ายที่คาดว่าผู้ตายเขียนไว้ บ้างป้ายเขียวไว้ว่า “ขายถูกแบบอยากให้ฟรีตู้เย็น 2,500 บาท
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 31 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่าทางแม่ผู้เสียชีวิต ญาติๆ ชาวบ้าน ได้มาช่วยกันเตรียมสถานที่ เก็บข้าวของ ทำความสะอาด เพื่อที่จะจัดงานศพและรอรับศพผู้ตายออกจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ โดย นางธันยรัศมิ์ อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ นายวัชรากร ผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา ว่า วันที่เกิดเหตุ (30 ม.ค. 68) ตนไปอาศัยอยู่ที่บ้านน้องชาย มาทราบข่าวว่าลูกชายถูกฆ่าเสียชีวิตก็ช่วงเมื่อช่วงเวลา 6 โมงเช้า เนื่องจากน้องสาวตนมาบอก พอตนมาถึงเห็นตำรวจและคนมุงดูเต็มไปหมด มีผ้าขาวปิดร่างลูกชายไว้ แต่ตนก็ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆเพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่ก่อเหตุมีพฤติกรรมโหดร้ายเหลือเกิน ถ้าลูกชายตนผิดจริงก็ไม่ควรมาทำร้ายหรือฆ่ากันถึงขั้นทรมานขนาดนี้ ตนอยากให้คนที่ก่อเหตุหรือคนที่สั่งให้ก่อเหตุฆ่าลูกตนตกตายตามกันไป ตนเจอลูกชายล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา
ตนคิดอยู่ในใจเสมอว่าลูกชายจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้ เพราะลูกชายตนมีพฤติกรรมและนิสัยที่ชอบเอะอะโวยวายชอบทุบตีบ้านคนอื่น ทำให้คนอื่นหวาดกลัว ตนห้ามแล้วแต่ลูกชายไม่ฟัง ถึงอย่างไรก็ตามลูกชายตนก็ไม่สมควรมาถูกฆ่าตายในสภาพแบบนี้ โดยปกติลูกตนจะมีนิสัยที่ก้าวร้าวกับตน แต่กับญาติจะพูดดีและกับคนที่พูดดีกับเขา แต่กับคนที่ทำไม่ดีกับเขาเขาก็จะเอาเรื่องโมโห แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องไปทุบตีหรือทำร้ายคนอื่น ตนไม่รู้ว่าลูกชายไปมีปัญหากับใครหรือเปล่า เรื่องขายที่ดินขายตู้เย็นหรือขายข้าวของในบ้านตนไม่เคยห้าม เพราะตนไม่ได้อยู่กับลูกชายแล้วลูกจะขายอะไรก็เรื่องของลูก ลูกตนประกาศขายที่มาได้ 4 ปีแล้ว แต่ไม่มีคนซื้อ สิ่งของที่ขายไปลูกชายตนจะเอาเงินไปลงทุนขายพระ หรือเหรียญต่างๆทางออนไลน์ แต่ก่อนตนก็อาศัยอยู่ด้วยกันกับลูกชายพอมาช่วงหลังลูกชายขอเงินหนักขอไม่ได้ก็อาละวาด ตนจึงหนีออกไปอยู่กับน้องชายต่างหมู่บ้าน ตนฝากบอกผู้ก่อเหตุถ้ารู้ว่ากระทำความผิดก็ให้มามอบตัวโทษหนักจะได้เป็นเบา และตนก็ไม่ขอให้อภัยกับคนที่ก่อเหตุฆ่าลูกชายตนเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.ขวัญเมือง โกสุมา ผกก.สภ.ปรางค์กู่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบร่องรอยบาดแผลในร่างของผู้ตาย พบว่า มีบาดแผลจากการถูกตีที่ด้วยของแข็งที่หน้าผาก และถูกของมีคมแทงที่ต้นคอ ตลอดจนบาดแผลตามต้นแขน ส่วนในที่เกิดเหตุพบอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุหลายอย่างทั้ง ขวาน มีด และท่อนไม้ ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้น เป็นผู้ป่วยจิตเวช และไม่ถูกกับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ไม่มีคนเข้าใกล้และวุ่นวาย แม้กระทั่ง ด้วย ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ คาดว่าจะมาจากการทะเลาะวิวาทกัน ในส่วนของเรื่องปมที่ดิน ว่ามีการขัดแย้งกับญาติพี่น้องหรือไม่ ตามที่ผู้ตายมีการเขียนในกระดาษ นั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่อย่างใด
พ.ต.อ.ขวัญเมือง โกสุมา ผกก.สภ.ปรางค์กู่ กล่าวต่อไปว่า ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานหลายอย่างที่คนร้ายทิ้งไว้ ซึ่งเราได้ประสานทางพิสูจน์หลักฐาน มาเก็บหลักฐาน และดีเอ็นเอ ต่างๆ ทำให้เราได้พยานหลักฐานเยอะพอสมควร และคาดว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ที่มาก่อเหตุในครั้งนี้ โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัย เบื้องต้น เป็นกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ที่เราได้นำมาสอบปากคำแล้วจำนวน 9 ปาก ซึ่งยังไม่มีผู้ใดให้การรับสารภาพแต่อย่างใด และเหลือผู้ต้องสงสัยอีกจำนวน 3 ปาก ที่ยังไม่ได้ทำการสอบปากคำ ตอนนี้ ยังต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมตลอดจนผลตรวจดีเอ็นเอต่างๆ ในการที่จะออกหมายจับผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้