ห้องข่าวภาคเที่ยง - "เต้ มงคลกิตติ์" พลเรือนที่ DSI ออกหมายเรียกให้ไปพบในฐานะพยาน ประกอบการสืบสวนคดีแตงโม หอบเอาหลักฐานวงจรปิด 34 จุด ไปให้ตรวจสอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องโทรศัพท์มือถือถูกปิด จะใช่แบตหมดจริง ๆ หรือไม่ และจะเกี่ยวกับผู้ใหญ่จริงหรือเปล่า?
เหตุที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ มงคลกิตติ์ ถูกเรียกมาให้ปากคำกับ DSI ก็เพราะเป็นคนที่เคยร่วมหาหลักฐานในช่วง 30 วันแรก หลังการเสียชีวิตของแตงโม อย่างที่บอกว่าเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มาพร้อมกับภาพวงจรปิด 34 จุด เพื่อขอให้ DSI นำไปดูว่าแบบนี้ผิดสังเกตไหม?
โดยจะเฉพาะกล้องจากร้าน "กระแชงมอญ" ที่เห็นชัดว่ามีเจ็ตสกี 4 ลำ ขี่นำหน้าเรือสปีดโบ๊ต ที่ควรตรวจสอบ GPS ด้วยว่าไปด้วยกันหรือไม่ รวมถึงกล้องวงจรปิดใต้สะพานซังฮี้ ที่น่าจะเป็นพยานหลักฐานใหม่ เพราะเห็นชัดเจนว่า ไม่เห็นคนอยู่ท้ายเรือ ต่างกับที่ตำรวจนำภาพวงจรปิดบนสะพานมาตรวจสอบ แล้วบอกว่า มีคนนั่งอยู่ท้ายเรือ อีกทั้งเวลาในกล้องวงจรปิดของตำรวจ และของที่ได้มาก็ไม่สอดคล้องกัน
ประเด็นต่อมาคือพูดเรื่องการตกเรือของแตงโม เทียบกับคำให้การของปอ ที่บอกว่าเกาะอยู่ท้ายเรือ 10 วินาที ก็ยังไม่สอดคล้องกับความเป็นไปได้ ทั้งเรื่องขององศา และมุมตกกระทบ
นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยเรื่องที่โทรศัพท์มือถือของแตงโม ปิดไป 3 ชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าปิดไปทำไม และก็คิดว่าไม่น่าใช่เรื่องแบตเตอรีหมด จึงเป็นไปได้ที่ระหว่างนั้นอาจพาไปพบผู้ใหญ่ และไม่ต้องการให้มีการแอบถ่าย ซึ่งเรื่องการไปเจอผู้ใหญ่มีมานานแล้ว และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จบลงด้วยเหตุการณ์แบบนี้
นี่เป็นแค่หนึ่งในพยานเท่านั้นนะ นอกจาก เต้ มงคลกิตติ์ แล้วยังมีหนุ่ม กรรชัย พิธีกรข่าว บิณฑ์และเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พบศพแตงโมในวันแรก ๆ รวมถึง พันตำรวจตรี ปภิณวิช รอดบางยาง ลูกชาย อดีต สว.ที่มีชื่อถูกพาดพิงถึงด้วย ทั้งหมดนี้มีคิวเรียกเข้าพบภายใน 13 กุมภาพันธ์
แล้วจากนั้นช่วงระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ จะเป็นการนำอุปกรณ์เครื่องโซนาร์ ไปเก็บข้อมูลใต้น้ำ และเก็บข้อมูลตามรอย GPS ของเรือ เพื่อดูข้อเท็จจริงว่า มีสิ่งใดที่เข้าข่ายเป็นความผิดปกติหรือไม่ เพื่อนำไปรวมกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่น ๆ เพื่อที่จะนำไปสู่การหาคำตอบ ว่าคดีนี้เข้าข่ายที่ DSI ต้องรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
