รวบนายร้อยปอยเปต หนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก "ชาล็อต ออสติน" และนางงาม อ.

รวบนายร้อยปอยเปต หนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก "ชาล็อต ออสติน" และนางงาม อ.

View icon 1.3K
วันที่ 3 ก.พ. 2568 | 15.04 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมนายรามิลฯ อายุ 31 และนายธนาวุฒิฯ อายุ 28 หนึ่งในแก๊งหลอก "ชาล็อต ออสติน" และนางงาม อ.

สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.1 บก.ปอท. ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า มีคนร้ายแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลมาข่มขู่ผู้เสียหาย โดยแจ้งกับผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และคดียาเสพติด พร้อมส่งเอกสารปลอมต่างๆ มาให้ผู้เสียหายดูจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ต่อมาคนร้ายจึงได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายรวมเป็นเงินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท และมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันนี้มากถึง 163 เคส 

ต่อมาวันที่ 30 ม.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายรามิลฯ อายุ31 ปี(ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบ Sim Box ที่มีการเซ็ตระบบไว้โดยตนเองจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อแล้ว จากนั้นจะมีการส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ

ต่อมาในวันที่ 2 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสามารถจับกุม นายธนาวุฒิฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้ที่บ้านพัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง

นอกจากนี้ผู้ต้องหายังยอมรับอีกว่า ตนเองได้แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย หนึ่งในนั้นมี "ชาล็อต ออสติน" และนางงาม อ.  รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย

ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การว่า ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนเองจะมีหน้าที่วิดีโอคอลเพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ และทำหน้าที่ควบคุมเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง โดยเมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ซึ่งในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้โดย
หากตนไม่ปฏิบัติตาม หรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากตนสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้ตนจะได้รับส่วนแบ่งจากมูลค่าที่หลอกลวงเหยื่อ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหารายที่ 1 นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง