เจอหลายกระทง สาวไทยอ้างเป็นเจ้าของร้านชำ จ้างต่างด้าวขายของ นอกเหนือสิทธิที่ได้รับอนุญาต ยึดสินค้า-สมุนไพร-ยาเมียนมาไม่มี อย.
วันนี้ (4 ก.พ.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร สั่งการให้ นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน พร้อมด้วย นายฐิติวัชร์ วารีรัตน์ภากร สาธารณสุขอำเภอกระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบการกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าวในลักษณะการขายของแย่งอาชีพคนไทย หลังมีประชาชนแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกระทุ่มแบน
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบอาคารพาณิชย์ ริมถนนเศรษฐกิจ หมู่ 9 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 2 ราย กำลังขายของให้แรงงานต่างด้าวด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อจับกุม และตรวจสอบเอกสารของแรงงานต่างด้าวที่อยู่ภายในร้านทั้งหมด
จากการตรวจสอบพบว่า แรงงานเมียนมาที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้า 1 ราย ใบอนุญาตอยู่ในประเทศได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนแรงงานเมียนมา 2 ราย ที่ขายของให้ลูกค้า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานพบว่า ใบอนุญาตทำงานระบุเป็นกรรมกร แต่มาทำงานขายของ ซึ่งถือเป็นความผิดในลักษณะการทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่มี จึงคุมตัวแรงงานเมียนมาทั้ง 3 ส่งดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ระหว่างทำการสอบสวนขยายผล นางมินตรา ได้เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของร้าน และเป็นนายจ้างของแรงงานต่างด้าว 2 รายที่ขายของภายในร้าน และจากการตรวจสอบสินค้าภายในร้าน เจ้าหน้าที่พบมีสินค้าประเภทอาหารที่ไม่เลขที่ อย. และไม่ติดฉลากภาษาไทย ตั้งวางอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังตรวจพบยาชนิดต่าง ๆ ทั้งสามัญประจำบ้าน ยาอันตราย ยาสมุนไพร โดยยาส่วนใหญ่เป็นยาที่ผลิตจากประเทศเมียนมา นอกจากนี้ ยังพบมีการจำหน่ายยาสูบ (บุหรี่) ในลักษณะฉีกซองแบ่งขายเป็นมวน ๆ จึงยึดสินค้าผิดกฎหมายภายในร้าน และนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำบันทึกจับกุม พร้อมส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม นางมินตรา เปิดเผยว่า ได้มาเช่าอาคารพาณิชย์แห่งนี้เพื่อเปิดร้านขายของชำ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 ส่วนสินค้าต่าง ๆ ที่เป็นสินค้าเมียนมานั้น ได้หาซื้อมาจากร้านค้าภายในจังหวัดสมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว นางมินตรา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดหลายกระทง ประกอบด้วย จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มี อย.และไม่มีฉลากภาษาไทย ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท จำหน่ายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเภสัชกรประจำร้าน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท จำหน่ายยาสมุนไพรโดยไม่ขึ้นทะเบียน และไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
ส่วนแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศโดยใบอนุญาตสิ้นสุดลง มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และแรงงานต่างด้าวที่ขายของภายในร้าน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท พร้อมถูกส่งกลับประเทศต้นทาง