“กกร.”  หวั่นสินค้าจีนทะลักเข้าไทย หลัง “ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี เชื่อตัดไฟแก๊งคอลเซนเตอร์ ไม่กระทบการค้าชายแดน

“กกร.” หวั่นสินค้าจีนทะลักเข้าไทย หลัง “ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี เชื่อตัดไฟแก๊งคอลเซนเตอร์ ไม่กระทบการค้าชายแดน

View icon 87
วันที่ 5 ก.พ. 2568 | 16.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กกร. คาดปี 68 เศรษฐกิจไทยโต 2.4-2.9% หวั่นกำแพงภาษีสหรัฐฯ ส่งผลสินค้าจีนทะลักเข้าไทย แนะรัฐบาลเตรียมรับมือ เชื่อเชื่อตัดไฟแก๊งคอลเซนเตอร์ ไม่กระทบการค้าชายแดน

วันนี้ (5ก.พ.68) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 โตแบบจำกัด อันเป็นผลจากสงครามการค้ารอบใหม่ หลังสหรัฐฯ ประกาศจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มประเทศเป้าหมาย เช่น เม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% อีกทั้ง ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เป็นความท้าทายต่อการส่งออก

ที่ประชุม กกร. จึงคงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ อยู่ที่ 2.4-2.9% ส่งออกอยู่ที่ 1.5-2.5% เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.8-1.2% ยิ่งสินค้าจีนไม่สามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้ ก็อาจจะทะลักเข้ามาที่ประเทศไทย และประเทศคู่ค้าของไทย ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจ้างงาน โดยกลุ่มสินค้าสำคัญที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น เหล็ก พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องนุ่งห่ม แก้วและกระจก เครื่องสำอาง เป็นต้น

สำหรับแนวทางรับมือ นอกจากการหารือระหว่างภาครัฐในระดับประเทศแล้ว การใช้มาตรการทางการค้าเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด คือ การปรับลดระยะเวลาการไต่สวนการใช้มาตรการทางการค้า และการใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522  การกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมในเขตฟรีโซนอย่างเข้มงวด ป้องกันการลักลอบนำสินค้าและวัตถุดิบกลับมาขายในประเทศ และ การส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้าที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MIT)  เพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การส่งเสริมขยายตลาดภาคเอกชน รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไข การใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศในโครงการรัฐ เช่น การกำหนดการใช้สินค้าไทยในโครงการบ้านเพื่อคนไทย ไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าโครงการ เป็นต้น

ส่วนที่รัฐบาลมีคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปเมียนมา  5 จุด เพราะมีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซนเตอร์นั้น นายเกรียงไกร มองว่า ผลกระทบค่อนข้างน้อยมาก เพราะสถานการณ์ในเมียนมาไม่สงบ ย่อมส่งผลให้ความต้องการสินค้าของประชาชนมีมากขึ้นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง