สนามข่าว 7 สี - ใครจะสมัครงานอะไรก็ตรวจสอบกันให้ดี อย่าไปเออออว่า เอาชื่อไปใส่ในตำแหน่งแปลก ๆ ได้เงินได้ทองแล้วจะไม่มีปัญหา อันนี้เราไม่ได้พูดถึงคดีนี้ เพราะผู้ต้องหา บอกว่าถูกเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้เป็นชื่อ "กรรมการบริษัท" โดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง แต่ผลกรรมมาตกที่ตัวเอง
ก็เหมือนหลาย ๆ คดี ที่มีตัวแทนรัฐ อย่างคดีนี้ก็คือ กรมสรรพากร มาร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลาง ว่าได้รับความเสียหายจากการเลี่ยงจ่ายภาษี จนเป็นเหตุให้รัฐสูญเงินไป 160 ล้านบาท ก็เลยให้ตำรวจ บก.ปอศ. รับทำคดี และนำหมายศาลฯ ไปจับกุม นายจักรี อายุ 48 ปี ที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท ที่ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์หรู พาตัวจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาดำเนินคดี
เอาเรื่องพฤติการณ์ก่อน คดีนี้กรมสรรพากร ไปตรวจสอบเจอว่า บริษัทนี้ยื่นสำแดงรายได้ช่วงระหว่างปี 2554-2558 ว่ามีรายได้เข้ามาประมาณ 400 ล้านบาท
แต่จากการตรวจสอบบัญชี พบว่ามีเงินรายได้เข้าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านบาท แล้วไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ คำนวนแล้วรัฐเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปกว่า 160 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี
แต่ตอนที่ตำรวจไปเจอตัวผู้ต้องหา ก็พบว่าอยู่ห้องพักในอาคารแห่งหนึ่ง สอบถามเจ้าตัวก็ให้การปฏิเสธ อ้างว่ามาสมัครเป็นพนักงานขับรถ และพนักงานขายของบริษัท ไม่รู้เลยว่าพนักงานฝ่ายบุคคล นำเอกสารของตน ไปเปิดและจดทะเบียนบริษัท กระทั่งตำรวจมาจับกุม แต่ตำรวจก็ไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว เดี๋ยวหลังจากนี้จะขยายผลตรวจสอบต่อ รวมถึงว่าจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีรถหรูที่ DSI ดำเนินการอยู่หรือเปล่า