สาว 15 ดีใจ! ได้เจอชสาวต่างชาติที่เคยช่วย จนรอดจากอุบัติเหตุมาได้ ลั่นหลังจากนี้จะใช้ชีวิตตามปกติ เพราะเขาอุตส่าห์ชุบชีวิตให้แล้ว
8 ก.พ. 68 น.ส.รัตนาภร อายุ 46 ปี ชาว ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยหลังจากลูกสาวประสบอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 67 และมีความประทับใจจากชาวบ้านในที่เกิดเหตุเล่าให้ฟังว่ามีชาวต่างชาติเป็นคนช่วยน้องตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ
น.ส.รัตนาภร เล่าว่า ตอนนั้นลูกสาวซ้อนรถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อนแล้วเกิดไปชนท้ายรถกระบะ หลังทราบเรื่องได้เดินทางไปหาลูกสาวที่หน่วยกู้ภัยนำไปส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านั้น แพทย์แจ้งว่าอาการสาหัส กระทั่งมีชาวบ้านลือว่าลูกสาวตนได้เสียชีวิตแล้ว
ต่อมา หมอแจ้งว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้วตนดีใจมาก และมาทราบจากชาวบ้านในเวลาต่อมาว่ามีชาวต่างชาติเป็นคนช่วยเหลือน้องเอาไว้ เพราะน้องหายใจรวยรินเลือดเต็มใบหน้า แต่ชาวต่างชาติใช้อุปกรณ์ดูดเลือดออกให้ แล้วขึ้นรถไปกับรถกู้ภัยไปส่งที่โรงพยาบาลด้วย
หลังจากลูกอาการดีขึ้น ตนกับลูกสาวพยายามสอบถามว่าชาวต่างชาติคนนั้นเป็นใครมาจากไหน จนกระทั่งทราบว่าชื่อ ทอม เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ มีภรรยาอยู่ที่ ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
น.ส. รัตนาภร กล่าวอีกว่า หลังจากลูกออกจากโรงพยาบาลมา รวมรักษา 28 วัน ยอมรับว่าเป็นห่วงความรู้สึกของลูกเพราะตาซ้ายบอดสนิท จะสู้กับสังคมอย่างไร แต่ปรากฏว่าผิดคาด ลูกสาวไปโรงเรียนเข้ากับเพื่อนเป็นปกติไม่อายใคร เมื่อสอบถาม ลูกสาวตอบว่าที่สู้เพราะมีคนช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แล้วจะไม่สู้ต่อได้อย่างไร
ส่วนทางด้านคดีตอนนี้ตั้งแต่วันเกิดเหตุมาถึงตอนนี้ผ่านมาแล้วหลายเดือน เคยไปเจรจากับเจ้าของรถกระบะ ที่ สภ.คูเมือง แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะรถกระบะจะไม่ขอเยียวยา จ่ายแค่ 1,000 บาท คือให้ตอนไปเยี่ยม 2 ครั้ง ๆ ละ 500 บาทเท่านั้น รู้สึกน้อยใจ
ขณะที่ น.ส.ปิยธิดาหงศ์พิมทอง อายุ 15 ปี ผู้ประสบเหตุเล่าว่า ตอนนั้นไม่ได้สติ มารู้ตัวอีกทีที่โรงพยาบาล หลังจากมีคนแชร์ภาพชาวต่างชาติมาช่วยตนเองตอนเกิดเหตุแล้ว รู้สึกปลื้มและถือว่ารอดชีวิตมาได้เพราะชาวต่างชาติคนนี้ เพราะหากไม่มีใครดูดเลือดที่คลั่งตามจมูกและปากออก ผู้รู้บอกว่ามีโอกาสเสียชีวิตสูง เพราะตอนเกิดเหตุรถพยาบาลใช้เวลานานกว่าจะมาถึง หลังจากนี้จะใช้ชีวิตตามปกติ เพราะมิสเตอร์ทอม อุตส่าห์ชุบชีวิตให้แล้ว และดีใจที่สุดที่ได้คุยกับมิสเตอร์ทอม ทางโทรศัพท์