สนามข่าว 7 สี - ผลการผ่าชันสูตรพลิกศพปริศนา หญิงที่เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 15 วัน ก็ได้เบาะแสมามากขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่มีราคาแพงถึงคู่ละกว่า 100,000 บาท รุ่นนี้ไม่มีสั่งนำเข้าในไทย และตอนนี้ตำรวจกำลังสงสัยว่า ผู้เสียชีวิตอาจไม่ใช่คนไทยด้วย
ผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตที่ถูกพบศพในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ทิ้งในคลองพยูน บริเวณหลังสนามกอล์ฟ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
เป็นหญิงเอเชีย อายุ 30-40 ปี สูง 155 เซนติเมตร ผมสีดำ มีย้อมสีน้ำตาลบางส่วน ผิวขาวเหลือง ศัลยกรรมจมูกและหน้าอก ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย และไม่พบรอยสัก ซึ่งตรงที่มีการศัลกรรมหน้าอก มีประเด็นที่น่าสนใจ
เพราะมีข่าวออกมาตั้งแต่วันแรก ๆ แล้วว่า ซิลิโคนแต่ละรุ่นที่เขาใช้เสริมหน้าอกผู้หญิง ถ้าใช้ของมีมาตรฐาน จะต้องมีเลขซีเรียลนัมเบอร์เขียนไว้ เพื่อที่ถ้าเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นมา จะได้ตรวจสอบย้อนหลัง และเคลมเรียกค่าเสียหายได้
ซึ่งซิลิโคนขนาด 240 CC ก้อนนี้ เป็นของบริษัทผู้ผลิตชื่อดัง อักษรย่อ "J" ในสหรัฐอเมริกา และบริษัทดังกล่าวมีการตั้งสาขาอยู่ที่ย่านฝั่งธนบุรีด้วย ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 ก็เลยลงพื้นที่ไปสอบถามกับทางบริษัท ได้ข้อมูลมาว่า ซิลิโคนล็อตนี้ไม่ได้นำเข้ามาขายในไทย แต่ส่งให้ตัวแทนไปขายในยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ราคาอยู่ที่คู่ละกว่า 100,000 บาท
ส่วนที่บอกว่า หรือผู้เสียชีวิตจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะซิลิโคนล็อตนี้ ผลิตออกมาแค่ 999 ชิ้นเท่านั้น และส่งไปขายที่จีน ผู้สื่อข่าวเลยสอบถามกับชุดสืบสวนว่า เป็นไปได้ไหมว่าผู้เสียชีวิตอาจเป็นคนจีน ชุดสืบสวนก็บอกว่าเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นที่น่าจะเป็นคนไทยด้วยเหมือนกัน
นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ชุดสืบสวน ทั้งภูธรภาค 2 สืบสวนจังหวัดระยอง และสืบสวน สภ.บ้านฉาง ยังคงต้องกระจายกำลังหาหลักฐาน และข้อมูลพยานแวดล้อมเพิ่มเติม อย่างบริเวณที่เกิดเหตุ ก็ให้ชุดประดาน้ำลงไปช่วยกันงมค้นหาดูอีกที เผื่อว่าจะมีการโยนทรัพย์สินของผู้เสียหายในจุดอื่น ๆ แต่หาไปกว่า 3 ชั่วโมง ก็ยังไม่เจอ ซึ่งทางผู้กำกับการ สภ.บ้านฉาง บอกว่า ก็ต้องทำในทุกมิติเพื่อให้สิ้นสงสัย
ส่วนชาวบ้านคนนี้ บอกว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าออกจากบ้าน เพราะยังกลัวเรื่องนี้กันอยู่ และที่บ้านตนเองก็มีอะไรประหลาด ๆ ด้วย
ส่วนที่ต้องขอเบลอหน้าคุณลุงไว้ ก็เพราะลุงคนนี้เคยเห็นรถโตโยต้า รุ่นวีออส แต่จำทะเบียนไม่ได้ และจำไม่ได้ว่าเป็นวันไหน แต่มีผิดสังเกตตรงที่คนขับไม่ลงจากรถ จอดรถอยู่ประมาณ 10 นาที พอเห็นลุงคนนี้ก็รีบเลี้ยวรถกลับอย่างไว จึงไม่มั่นใจว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่