10 โรงเรียน กทม. นำร่องรับสามเณรเข้าเรียนระดับประถมในรูปแบบเรียนรวม ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเสมอภาค
วันนี้ (13 ก.พ. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ที่ประชุมได้รายงานการดำเนินงานเรื่อง การจัดการศึกษาสำหรับสามเณรในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครระดับประถมศึกษา โดยปัจจุบันมีโรงเรียนที่มีพื้นที่ตั้งอยู่ในวัด จำนวน 250 โรงเรียน และมีโรงเรียนนำร่องที่รับสามเณร จำนวน 10 โรงเรียน รวมจำนวนสามเณรที่เข้าศึกษา 71 รูป ได้แก่
1. โรงเรียนวัดเสมียนนารี สำนักงานเขตจตุจักร 2 รูป
2. โรงเรียนวัดราชคฤห์ สำนักงานเขตธนบุรี 5 รูป
3. โรงเรียนวัดประดู่ฉิมพลี สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ 6 รูป
4. โรงเรียนวัดนาคกลาง สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ 38 รูป
5.โรงเรียนวัดสร้อยทอง สำนักงานเขตบางซื่อ 2 รูป
6. โรงเรียนวัดคฤหบดี (จันทรสถิตย์) สำนักงานเขตบางพลัด 2 รูป
7. โรงเรียนวัดราชนัดดา สำนักงานเขตพระนคร 1 รูป
8. โรงเรียนวัดแสนสุข สำนักงานเขตมีนบุรี 5 รูป
9. โรงเรียนวัดบำเพ็ญเหนือ สำนักงานเขตมีนบุรี 1 รูป
10. โรงเรียนวัดสารอด สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ 9 รูป
ซึ่งนักเรียนและสามเณรจะได้เรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้เหมือนกัน แต่จะมีการปรับการจัดการเรียนการสอนในบางกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้มีความเหมาะสม อาทิ โรงเรียนวัดนาคกลาง สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ ได้มีปรับการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (พลศึกษา) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี-นาฎศิลป์) โดยใช้การสาธิต เขียนบรรยาย หรือใช้สื่อจำลองสถานการณ์ แทนการลงมือปฏิบัติ ส่วนด้านการวัดผลประเมินผล จะใช้แบบทดสอบหรือการประเมินผลงานภาคทฤษฎีแทนการประเมินจากการปฏิบัติ
ก่อนหน้านี้ สำนักการศึกษา กทม. หารือร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ในประเด็นหลักเกี่ยวกับปัญหาการตีความคำสั่งมหาเถรสมาคม ที่ 1/2564 เรื่อง กรณีพระภิกษุสามเณรเรียนวิชา หรือสอบแข่งขัน หรือสอบคัดเลือกอย่างคฤหัสถ์ พ.ศ. 2564 ซึ่งส่งผลให้บางสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไม่รับสามเณรเข้าเรียน ต่อมา ที่ประชุมสภาการศึกษา ยืนยันว่าคำสั่ง มส. ที่ 1/2564 เป็นการห้ามพระภิกษุสามเณรเรียนระดับอุดมศึกษาอย่างคฤหัสถ์ แต่ไม่กระทบการศึกษาขั้นพื้นฐาน สามเณรจึงสามารถเรียนร่วมกับคฤหัสถ์ได้
ในส่วนของหลักสูตรสำหรับสามเณร โรงเรียนได้บูรณาการตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา 2551 โดยการจัดการศึกษาตามความเหมาะสมเพื่อให้เอื้อเฟื้อต่อสถานภาพและศักยภาพของสามเณร และให้มีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบเรียนรวม