หมอใจดี ขอใช้ความรู้สอนเด็กดีดพิณฟรีหลังคลินิกปิด ช่วยฝึกสมอง คิดเป็นระบบ

View icon 1.9K
วันที่ 17 ก.พ. 2568 | 10.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เคยยากจนมาก่อน หมอใจดี ขอใช้ความรู้สอนเด็กชนบทดีดพิณฟรีหลังคลินิกปิด เผย เล่นดนตรีช่วยให้เด็กคิดเป็นระบบ มีสมาธิ ฝึกการใช้สมอง กล้ามเนื้อ

วันนี้ (17 ก.พ.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คลินิกหมอทรงพล ตั้งอยู่ริมถนนอรุณประเสริฐ อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นคลินิกเวชกรรมที่เปิดรับรักษาคนไข้ทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมี นายแพทย์ทรงพล  ยืนสุข หรือ หมอยีนส์ อายุ 35 ปี เจ้าของคลินิกนอกจากได้ตรวจรักษาคนไข้ภายในคลินิกตามปกติแล้ว ยังใช้เวลาว่างหลังจากคลินิกปิดวันอาทิตย์ช่วงเวลาประมาณ 11.00 – 12.00 น. สอนดีดพิณฟรีให้กับเด็ก ๆ ที่สนใจเรียน ซึ่งมีเด็ก ๆ ในพื้นที่อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร เข้าไปเรียนดีดพิณกับหมอยีนส์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

หมอยีนส์ เล่าว่า ตนชื่นชอบการดีดพิณมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เวลามีงานบุญในหมู่บ้านก็จะมีคณะกลองยาวไปร่วมขบวนแห่ซึ่งก็จะมีการดีดพิณประกอบเสียงกลองยาวในขบวนแห่ ตนก็จะปั่นจักรยานตามไปดูตามประสาเด็กแล้วก็จดจำจังหวะทำนองนำกลับมาฝึกดีดพิณด้วยตนเองจนสามารถดีดได้ตั้งแต่อายุประมาณ 13 ปี และเคยร่วมดีดพิณกับคณะกลองยาวภายในหมู่บ้านมาก่อนด้วย จนกระทั่งต้องไปเรียนแพทย์ที่มหาลัยขอนแก่น 6 ปีก็ไม่ได้ดีดพิณอีกเลย เพราะให้เวลากับการเรียนแพทย์มากกว่า หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานใช้ทุนจนหมดแล้ว ขณะนี้ก็ได้ลาออกจากราชการแล้ว เพราะต้องใช้เวลาดูแลคลินิกของตน

ต่อมาจึงไปเรียนดีดพิณอย่างจริงจังกับอาจารย์อาคม ทับถนน ที่จังหวัดอุบลราชธานี จนมีความเชี่ยวชาญในการดีดพิณ จึงคิดว่าเราจะใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีช่วยสอนดีดพิณให้กับเด็ก ๆ ที่สนใจดีดพิณ และตนคิดว่าเด็ก ๆ ตามชนบทหลายคนมีต้นทุนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน หลายคนมีฐานะยากจน ซึ่งตนก็มาจากครอบครัวที่ยากจน จึงอยากจะช่วยเหลือเด็ก ๆ กลุ่มนี้ จึงได้ใช้เวลาว่างหลังตรวจรักษาคนไข้ในคลินิกของตน รับสอนดีดพิณให้กับเด็ก ๆ ที่สนใจฟรีทุกวันอาทิตย์วันละ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11.00 – 12.00 น. จากวันแรกที่มีเด็กสนใจเข้าไปเรียนเพียง 2 คน พอครั้งที่ 2 และ 3 ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งล่าสุดมีเด็กที่สนใจเข้ามาเรียนดีดพิณถึง 10 คน โดยมีอายุตั้งแต่ 7–13 ปี

หลังจากนี้คาดว่าตนจะต้องเพิ่มเวลาสอนดีดพิณให้กับเด็ก ๆ อีก อาจจะเพิ่มเป็นวันเสาร์อีก 1 ชั่วโมง และอาจจะมีการแยกกลุ่มในการสอน เนื่องจากเด็ก ๆ ที่เข้ามาเรียนจะมีทั้งกลุ่มที่มีพื้นฐานมาบ้างแล้ว และกลุ่มที่ไม่มีพื้นฐานมาเลย ซึ่งกลุ่มที่ไม่มีพื้นฐานจะต้องใช้วิธีการสอนแบบตัวต่อตัว เริ่มตั้งแต่การสอนจับปิ๊กและการดีดอย่างไรให้มีเสียงไพเราะ โดยตนมองว่าการดีดพิณหรือการเล่นดนตรีจะช่วยทำให้เด็กคิดอย่างเป็นระบบ มีสมาธิ มีความอดทน ฝึกการใช้สมองและฝึกการใช้กล้ามเนื้อทั้งมือซ้ายและมือขวา ซึ่งเด็ก ๆ คนไหนที่สนใจอยากจะเรียนดีดพิณก็สามารถเข้าไปเรียนได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และยังไม่ต้องซื้อพิณมาก่อนก็ได้ ตนมีพิณให้ยืมได้ฝึกหัดก่อน พอเล่นได้แล้วค่อยซื้อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง