สาวเจอโพรโมชันในแอปฯดัง ทำลักยิ้ม 2 ข้าง ราคาพิเศษ 2,300 บาท หลังตัดสินใจทำ เลือดไหลจากรอยที่ทำลักยิ้มไม่หยุดเกือบ 2 เดือน ล่าสุด “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประสานช่วยเหลือ ได้ทำการผ่าตัดแล้ว
จากกรณีน.ส.ไลลา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ติดต่อร้องขอความช่วยเหลือมาทางต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เมื่อวันศุกร์ ที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังทำศัลยกรรมลักยิ้มมา 2 เดือนแล้วแต่เลือดไหลไม่หยุด อาการเริ่มแย่เนื่องจากเลือดไหลไม่หยุดจนใกล้จะหมดสติ ทางต้นอ้อจึงได้ประสาน ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอส่งตัวผู้เสียหายไปที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อเข้าผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเส้นเลือดที่กระพุ้งแก้มขาดทำให้เลือดไหลไม่หยุด
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ก.พ. 68 ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทีมแพทย์ของโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข และต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ร่วมกันแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ของ น.ส.ไลลา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้เสียหายที่ทำศัลยกรรมลักยิ้มสยอง ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เพื่อเร่งตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ว่าเปิดถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ดร.ธนกฤต กล่าวว่า คุณต้นอ้อได้พาผู้เสียหายคือคุณไลลา ผู้ป่วยที่ได้รับการศัลยกรรมแก้มบุ๋มเพื่อสร้างลักยิ้มที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นพบว่าแก้มทั้ง 2 ข้าง ไม่เหมือนกัน อีกข้างโดยรวมปกติดี แต่อีกข้างกลับมีเลือดไหลไม่หยุด ผ่านมาแล้วประมาณ 2 เดือน ได้มีการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า คุณหมอพบว่ามีรอยเย็บของแผลรวมถึงมีร่องรอยไฟจี้ ทางผู้ป่วยได้มีการรักษาเบื้องต้นคือการนำผ้าพันแผลมาอุดไว้ เรื่องนี้ขอเตือนไว้ว่าเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรงสำหรับคนรักสวยรักงาม ซึ่งเรื่องการทำแก้มบุ๋มมีส่วนโยงไปยังวงการความเชื่อเข้าองค์ทรงเจ้า ซึ่งมีผลด้วยเช่นกัน ลักษณะดังกล่าวตามภาพที่ได้ส่งให้สื่อมวลชนได้ทราบกันแล้ว
ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง กล่าวว่า ตนได้มีการประสานงานกันว่าจะพาผู้เสียหายเข้ามาที่กระทรวงสาธารณสุขวันจันทร์นี้ ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง แต่หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย พบว่าผู้เสียหายมีอาการรุนแรงขึ้น เลือดไหลเยอะขึ้น ตนนั้นติดอีกเคสที่ชลบุรีอยู่ ทำให้ตนต้องติดต่อและสอบถามถึงการช่วยเหลือว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากทางคลินิกศัลยกรรมไม่ได้มีการรับผิดชอบใดๆ จนกระทั่งได้ประสานต่อมายังโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้รับการช่วยเหลือ ตนจึงติดต่อประสานงานเพิ่มเติมไปยังรถกู้ภัยของหน่วยงานร่วมกตัญญู ให้ไปรับผู้เสียหายและมาส่งที่โรงพยาบาล โดยผู้เสียหายก็ได้รับการช่วยเหลือและผ่าตัดภายในคืนนั้นเลย หลังจากนั้นผู้เสียหายโทรมาร้องไห้และขอบคุณที่ทำให้รอดชีวิต ปัจจุบันทุกหน่วยงานจะต้องช่วยกันตรวจสอบว่าคลินิดศัลยกรรมดังกล่าว มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ คุณหมอในคลินิกมีความรู้ ความเชี่ยวชาญมากน้อยแค่ไหน การทำศัลยกรรมไม่มีสิ่งใดบอกได้ว่าเราจะสวยได้ 100% หรือมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเราบ้าง ซึ่งศัลยกรรมดังกล่าว ผู้เสียหายได้ทำในราคาหลักพัน 2-3,000 บาท โดยขอบคุณทุกๆฝ่ายที่มองเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนก่อนสิทธิการรักษาต่างๆ ว่าอยู่ตรงไหน ณ วันนี้ได้รับความร่วมมือจากทางสาธารณสุขที่เห็นประชาชนเป็นหลักมากกว่าสิ่งอื่น
ขณะที่ทาง พญ.ปวีณา ลาวัณลักขณา นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ศัลยแพทย์ตกแต่ง รพ.พระนั่งเกล้า ในฐานะแพทย์ผู้ทำการรักษา กล่าวว่า การผ่าตัดทุกชนิดมีโอกาสแทรกซ้อนได้หมด ตอนที่เจอคนไข้มาถึงโรงพยาบาลเราพบว่ามีภาวะเลือดออก ซึ่งในตอนแรกที่ได้ประวัติคนไข้คิดว่าไม่ฉุกเฉินเพราะเหตุเกิดช่วงนี้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่พอได้ประวัติและเข้าห้องฉุกเฉิน มีแพทย์ฉุกเฉินเป็นคนประเมินอาการก่อน พบว่ามีเลือดออกค่อนข้างมาก จนไม่สามารถเอาผ้าก๊อซ ที่อยู่ในปากออกมาได้ จึงมองว่าฉุกเฉินแล้ว ขณะเดียวกันตอนนั้นคนไข้ก็รู้สึกด้วยตัวเองอีกว่ามีเลือดพุ่งตลอดเวลา จากนั้นพอเข้าไปดูคนไข้ และได้เปิดแผลออกมา ปรากฏว่าเลือดพุ่งออกมาจนไม่สามารถเห็นจุดที่เลือดออกได้ ต่อมาประเมินอาการแล้ว มองว่าหากทำภายใต้การฉีดยาชาคงไมไหว เพราะคนไข้ต้องอ้าปากตลอดเวลา เป็นเวลานานในการหยุดเลือด หมอจึงใช้วิธีการดมยาสลบสลบ เพื่อทำการหยุดเลือด แล้วพอเข้ากระบวนการผ่าตัดตรวจช่องปากพบว่ามีภาวะเส้นเลือดฉีกขาด และพบว่ามีเลือดพุ่งออกมาทั้งหมด 2 ทาง โดยที่ไม่เห็นต้นตอของเส้นเลือด ทั้งนี้ พบอีกว่าเนื้อเยื่อแถวนั้นมีลักษณะการเย็บและการผ่าตัดมีแผลผ่าตัด 2 ตำแหน่งอยู่ฝั่งแก้มที่เป็นปัญหา คือ ช่องปากและแก้มด้านนอก ซึ่งแก้มด้านนอกแผลหายแล้ว ส่วนในช่องปากยังมีเลือดออกซึ่งเราเห็นชัดเลยว่าเนื้อเยื่อเปื่อยยุ่ยและฉีกขาดหมดแล้ว เมื่อเห็นอาการตนจึงพยายามหาเส้นเลือดและเย็บปิดแผลให้ จนสามารถเย็บปิดแผลได้ จากนั้นจึงได้ให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระยะปลอดภัยแล้ว
น.ส.ไลลา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองได้ไปเจอการโฆษณาจากใน TiKTok ว่าคลีนิกนี้มีโพรโมชัน ทำลักยิ้ม 2 ข้าง ในราคาพิเศษ 2,300 บาท จากนั้นในวันที่ 3 ธ.ค. 67 เวลาประมาณ 19.30 น. ตนเองจึงได้นัดทำศัลยกรรมลักยิ้ม เมื่อไปถึงคลินิก ก็คุณหมอมา ถามและปรึกษาว่า “อยากได้ลักยิ้มตำแหน่งไหน” ซึ่งตอนที่ตนเองเลือกตำแหน่ง หมอก็ไม่ได้บอกว่า มันจะอันตราย หรือยังไง เพียงบอกว่า “ตำแหน่งสูงไป แต่ก็สามารถทำได้“ ลักษณะคล้ายกับตามใจคนไข้ โดยทำทั้งหมด 2 ข้าง ซึ่งระหว่างนั้นข้างซ้ายผ่านไปด้วยดี แต่พอมาถึงข้างขวาเริ่มเจ็บขึ้น ตอนนั้นตนเองรู้สึกเจ็บจนร้องออกมา พอหมอเอาเข็มลงจากกระพุ้งแก้ม เพื่อจะเย็บไหม เลือดก็พุ่งออกมาเยอะจำนวนมากทันที เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยก็อุดผ้าก๊อซไว้ ตอนนั้นตนเองเห็นใบหน้าหมอก็ดูตกใจด้วย แต่หมอก็ทำนิ่งเฉย ตนเองรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะเเก้มมันบวมในทันทีเลย หมอก็ทำต่อไม่มีการหยุด ไม่บอก และไม่แจ้งความผิดปกติอะไรเลย ทั้งที่ตนเองรู้สึกผิดปกติแล้ว และหมอยังบอกอีกว่า ”เลือดที่ไหลออก ไม่มีผลเป็นอะไร“ จนตนเองกลับมาบ้าน ก็ได้ถ่ายวีดีโอไว้ทุกวัน ถึงความผิดปกติหลังจากที่ทำมาจากในคลินิก และถ่ายรูปไว้ทุกวัน จนวันที่ 14 ธ.ค. 67 ช่วงตอนค่ำมีเลือดพุ่งออกจากไหมที่เย็บในปาก ตอนนั้นตกใจมาก จึงเข้าไปพบหมอเจ้าของเคสดูอาการ ตนเองเเจ้งหมอว่า อาจจะโดนเส้นเลือดในวันเเรกที่มาทำ แต่ทางหมอบอกว่า ”ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าโดนจริงคงตุยไปแล้ว“ จนรอบที่ 2 ผ่านไปไม่กี่วัน อาการเดิมคือเลือดพุ่งไหลเยอะมากจนห้ามไม่อยู่ ตนเองจึงรีบไปที่โรงพยาบาล จากนั้นตอนบ่ายตนเองก็ไปหาหมอเจ้าของเคสที่ทำ หมอก็เลยดูให้ แต่ก็ยังพูดปัดว่า “ไม่ใช่แผลลักยิ้ม” ตนเองยืนยันคำเดิมกับหมอตลอดว่า “เส้นเลือดน่าจะขาด” เพราะหมอจากโรงพยาบาลเจอว่าเส้นเลือดมันโดนบาดจริงๆ
ซึ่งทางหมอ ยืนยันว่า “ไม่เป็นไร เดี่ยวก็หาย จะเย็บปิดให้” ตนเองจึงเกิดความกลัว เพราะต้องใช้ปากทำงาน ต้องพูดกับลูกค้า กลัวมันจะบาดและมีเลือกออกอีก แต่หมอก็ยืนยันว่า “ไม่เย็บ จะให้แผลได้ปิดเร็วๆ ได้อย่างไร” พอกลับมาไม่ถึงบ้าน 24 ชั่วโมง เลือดก็ไหลไม่หยุด ตนเองต้องรีบวนรถกลับไปโรงพยาบาล เพื่อให้หมอช่วยทำการหยุดเลือด ตนเองจึงต้องคอยรักษาด้วยตัวเองไปบ้าง ไปหาหมอตามโรงพยาบาลบ้าง เวลามีเลือดพุ่งออกมา อยู่แบบนี้กว่า 2 เดือน เพราะตนเองต้องทำงาน หลังจากนั้นตนเองได้ไปสอบถามกับหมอคลินิกคนดังกล่าวไป เขาบอกว่า ไม่ขอรับผิดชอบใดๆแล้ว เพราะผ่านมานานแล้ว เหมือนปัดทิ้งการรักษาตนเองเลย ตนเองไม่คิดว่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิต วันนี้ตนต้องขอขอบคุณดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พี่ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง คุณหมอและโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่รับเคสตนไว้รักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย