ดับสลด ! ชาย 2 คน ลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ก่อนใช้ปืนลั่นไกใส่ขมับเพื่อน เพราะคิดว่าเป็นหมูป่า
วันนี้ (18 ก.พ.68) นายรณกฤต จักรเงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.38 น. ในป่าดอยบ้านห่างคอมมิวนิสต์ บ้านไร่ ม.1 ต.อวน อ.ปัว จ.น่าน จึงประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดน่าน ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง ทางแพทย์เวร และเจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐานจึงไม่สามารถร่วมเดินทางไปได้ พนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ที่เกิดเหตุ พบร่างนายสม อายุ 60 ปี สภาพนอนตะแคงหงายหน้า สวมกางเกงยีนส์ขายาว สวมเสื้อแขนยาว บริเวณขมับข้างขวามีรอยถูกระสุนปืนยิง พบรอยเลือดตกในที่เกิดเหตุ โดยมีนายอรรถพร ยืนรอมอบตัวอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมอาวุธปืนลูกชองยาว จำนวน 1 กระบอก จึงได้ถ่ายภาพทำแผนที่เกิดเหตุไว้ ต่อมาจึงได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมาชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสม ผู้เสียชีวิต และนายอรรถพร อายุ 27 ปี ชาวบ้าน ต.อวน อ.ปัว ได้นำอาวุธปืนเข้าป่ามาล่าสัตว์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ต่อมาได้แยกย้ายกันไปล่าสัตว์ โดยผู้ตายบอกให้นายอรรถพรนั่งรออยู่อีกจุดหนึ่ง ส่วนผู้ตายจะเข้าไปล่าสัตว์อีกจุดหนึ่ง ขณะที่นายอรรถพรกำลังยืนรออยู่อ้างว่ามองเห็นหมูป่าอยู่ใกล้ต้นไม้ จึงยิงปืนไปที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นได้เดินเข้าไปดูปรากฏว่าเห็นร่างของนายสม นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณใกล้ต้นไม้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายอรรถพรจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่และยืนรอมอบตัวพร้อมอาวุธปืนของกลางอาวุธปืนลูกซองยาว เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดอาวุธปืนของกลางไว้และนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายรณกฤต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มอบหมายให้นายนพดล ถาปนา พนักงานราชการตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า จัดทำบันทึกกล่าวโทษเพิ่มเติมผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (7) และมาตรา 19 ความผิดเกี่ยวกับนำเครื่องมือเข้าไปล่าสัตว์และยิงปืนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกการตรวจยึดกล่าวโทษ และจะนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.อวน โดยด่วนต่อไป
