สแกมเมอร์ลวงรัก ป้าสูญเงินกว่า 4 แสน ยังเชื่อมาร์คมีตัวตน ขอสายไหมต้องรอดช่วย ถูกตำรวจจับเป็นตัวประกัน วันไหนไม่โอนเงิน มาร์คจะโดนทำร้าย โดนพาตัวไปทำสวน ตักน้ำ ถ้าช่วยออกมาได้มีเงินหลายล้าน
วันนี้ (19 ก.พ.68) นางณัฐหทัย หรือป้ากุ้ง อายุ 61 ปี เข้าร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด หลังถูกมิจฉาชีพออนไลน์ใช้มุก หลอกให้รัก ก่อนอ้างว่าถูกตำรวจไทยจับเป็นตัวประกัน จนต้องโอนเงินช่วยเหลือไปกว่า 400,000 บาท แต่ปัจจุบันป้ากุ้งยังเชื่อว่าชายคนนั้นมีตัวตนจริง
ป้ากุ้งเล่าว่า ช่วงเดือน ต.ค.67 มีชายคนหนึ่งทักมาในเฟซบุ๊ก แนะนำตัวว่าชื่อมาร์ค อายุ 58 ปี เป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พูดคุยกันไปมาจนสนิทและเริ่มพัฒนาเป็นความสัมพันธ์แบบคนรัก ต่อมาเดือน พ.ย.67 มาร์คบอกว่าจะส่งเงินมาให้ 25,000 ดอลลาร์ พร้อมเครื่องประดับเพชร สร้อยคอ แหวน นาฬิกา แต่เนื่องจากไม่มีบัญชีธนาคารจึงต้องส่งพัสดุผ่านไปรษณีย์ไทย
เมื่อของมาถึงประเทศไทย ป้ากุ้งได้รับโทรศัพท์จากคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ จะต้องเสียค่าภาษีพัสดุจำนวน 3,000 บาท แต่พอจ่ายไปแล้ว กลับถูกเรียกเก็บเพิ่มอีก 7,000 บาท ซึ่งตนไม่มีเงินมาร์คจึงช่วยออกให้ 3,000 บาท และให้ป้ากุ้งจ่ายเพิ่ม 4,000 บาท
แต่เรื่องไม่จบเท่านั้น พัสดุกลับถูกอายัดต่อที่กรมศุลกากรอ้างว่าเป็นเครื่องประดับมีค่า ต้องเสียภาษีเพิ่มอีกหลายหมื่นบาท ป้ากุ้งจ่ายไปเรื่อย ๆ รวมแล้ว 200,000 บาท โดยที่ตัวเองจ่ายไป 40,000 บาท และมาร์คช่วยจ่าย 160,000 บาท แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ของ เพราะอ้างว่ายังติดขั้นตอนเซ็นเอกสารจากตัวมาร์คเอง
จากนั้น มาร์คอ้างว่าจะบินมาไทยเพื่อมาจัดการเรื่องพัสดุ แต่หลังจากเดินทางมาถึง กลับบอกว่าถูกตำรวจจับ และต้องการเงินไถ่ตัว ตอนแรกเรียก 2,000 บาท แต่หลังจากนั้น มีการเรียกเงินเพิ่มทุกวัน แต่ป้ากุ้งไม่มีเงินมากนัก จึงจ่ายให้วันละ 500 บาท ถ้าวันไหนไม่ให้ตำรวจก็จะมีการนำตัวนายมาร์คไปทำโท ษโดยพาไปทำสวนหรือตักน้ำ โดยตำรวจคนนั้นอ้างว่าตำรวจเป็นระดับผู้ใหญ่และถ้าไม่จ่ายมาร์คอาจถูกฆ่า
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการส่งรูปมาร์คถูกช็อตไฟฟ้า และเสียงร้องมาแสดงความเจ็บปวด เมื่อป้ากุ้งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเชื่อ จึงโอนเงินช่วยไปอีกกว่า 400,000 บาท รวมแล้วสูญเงินไป 440,000 บาท โดยต้องไปยืมเงินจากครอบครัวและเพื่อนฝูง จนเป็นหนี้สินทุกวันนี้ไม่มีใครคบ
ป้ากุ้ง ยอมรับว่า รู้เรื่องมิจฉาชีพออนไลน์มาบ้าง แต่มั่นใจว่ามาร์คมีตัวตนจริง เพราะเคยเห็นหน้าในวิดีโอคอล และได้ยินเสียงคุยกันโดยตรง ตอนนี้เธอหมดตัวแล้วไม่มีเงินช่วยมาร์ค อยากให้ “สายไหมต้องรอด” ช่วยนำตัวมาร์คออกจากตำรวจไทย เพราะมาร์คบอกว่าพกเงินมาไทยหลายล้านบาท หากออกมาได้จะคืนเงินให้ทั้งหมด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ชี้แจงกับป้ากุ้งว่านายมาร์คไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นมิจฉาชีพประเภทโรแมนซ์สแกม หรือแก๊งสแกมเมอร์ ที่ใช้วิธีทักแชตพูดคุยกับผู้สูงอายุ อ้างว่าจะส่งเงินและของมีค่าให้ ก่อนจะหลอกให้โอนเงิน ซึ่งมีเหยื่อจำนวนมากเคยตกเป็นเหยื่อ หลังจากนี้จะพาป้ากุ้งไปแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพและติดตามเงินคืน พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควรระมัดระวังมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของความรักและความห่วงใย
อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคนที่โดนหลอกก็มักจะเชื่อจริงๆ ไม่อยากให้ไปต่อว่าคุณป้า เพราะใครเจอแบบนี้ก็มีโอกาสหลงเชื่อได้ พร้อมยืนยันว่าจะ ประสานตำรวจอายัดบัญชีมิจฉาชีพทั้งหมด และ ออกหมายเรียกเจ้าของบัญชี เพราะป้ากุ้งถูกหลอกให้โอนไปหลายบัญชี เชื่อว่าสามารถติดตามเงินคืนได้อย่างแน่นอน