แม่โร่แจ้งความเอาผิด พ่อแท้ๆข่มขืนลูกในไส้ วัย 15 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เผย ทราบเรื่องจากลูกชาย ซึ่งเป็นแฟนของผู้เสียหาย ได้นำมาบอก และสืบหาข้อมูล จนทราบว่าเป็นเรื่องจริง จึงพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นายกรีธา สุขคีรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.18 บ้านประสานมิตร ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย น.ส.มัสยาพร โอะหมาน นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร นำ น.ส.แอม นามสมุมติ อายุ 35 ปี พร้อมด้วย น.ส.ไอซ์ นามสมมุติ ลูกสาววัย 15 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ภูวิช ศรีคุ้ม รอง สภ.สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เพื่อให้ดำเนินการจับกุมนายอนุสร อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆที่ได้กระทำการลวงละเมิดทางเพศ น.ส.ไอซ์ ลูกสาว
โดย นายกรีธา สุขคีรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.18 เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ได้มีนายอ่ำ นามสมมุติ อายุ 15 ปี มาปรึกษาว่า น.ส.ไอซ์ แฟนสาว ได้บอกว่า ถูกนายอนุสร ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆข่มขืน โดยจะใช้อาศัยช่วงที่ แม่ของ น.ส.ไอซ์ เฝ้าที่แผง กลับมาบ้านแล้วลวนลามข่มขืนหลายครั้ง และเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้น้องอายุ 15 ปี น้องพยายามบอกคนในครอบครัวแล้ว แต่ไม่มีใครช่วย จนกระทั่งได้นายอ่ำ แฟนได้มาบอก นายกรีธา สุขคีรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.18 กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการบอกล่า ในฐานะที่ตนเองเป็นพนักงานฝ่ายปกครองจึงได้ลงสืบหาข้อมูล จนเป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ก็ต้องรอการพิสูจน์ ตนเองจึงได้ ประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร และทีมสหวิชาชีพของจังหวัดชุมพร เพื่อเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และได้นำ น.ส.ไอซ์ พร้อม น.ส.แอม เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับ นายอนุสร ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆในข้อหาข่มขืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่ ทางพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งความแล้ว ได้มอบให้ทาง น.ส.มัสยาพร โอะหมาน นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร นำตัว น.ส.ไอซ์ ไปตรวจร่างกายที่อย่างละเอียด ที่ รพ.ชุมพร พร้อมคัดแยกตัวให้ไปพักฟื้นจิตใจที่บ้านพักเด็กฯเป็นการชั่วคราวก่อนเพราะหวั่นจะถูกผู้เป็นพ่อมาข่มขู่ และจะสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อมาที่ น.ส.แอม ผู้เป็นแม่ เพื่อขอทราบรายละเอียด แต่ถูกปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลต่างๆโดยระบุว่าไม่พร้อม แต่เชื่อว่า ลูกสาวถูกนายอนุสร์ ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆกระทำการข่มขืนจริง แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอผลจากการชันสูตรจากทางแพทย์มายืนยันอีกครั้ง