สามีภรรยาถูกแก๊งคอนเซนเตอร์อ้างว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายถูกนำไปฟอกเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปให้ รวมยอดเงินทั้งหมด จำนวน 2 ล้าน 4 แสนบาท
วันนี้ (25 ก.พ.68) สามีภรรยา ชาวบ้านจังหวัดยโสธร ร้องสื่อมวลชนเพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งทำคดีติดตามเงินของตนเอง จำนวนกว่า 2 ล้าน 4 แสนบาท ที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกจนสูญเงินไปกลับคืนมา พร้อมทั้งต้องการที่จะเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยให้กับคนทั่วไปได้ทราบถึงวิธีการและหลอกล่อของแก๊งคอลเซนเตอร์เพื่อไม่อยากให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ
นางนันทา ผู้เป็นภรรยา เล่าว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมาได้มีโทรศัพท์เบอร์แปลกเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตนเป็นเสียงผู้หญิงโดยปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่ง เนื่องจากตรวจพบว่ามีคนใช้ชื่อนันทา ไปเปิดบัญชีธนาคาร และสงสัยว่าจะนำบัญชีธนาคารของนางนันทาไปกระทำผิดกฎหมาย จึงขอให้นางนันทา เจ้าของบัญชีไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี แต่นางนันทา ไม่สามารถที่จะเดินทางไปได้เพราะไม่มีรถที่จะเดินทางไป ทางปลายสายจึงให้เบอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจมาและแจ้งให้โทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่ให้มา แล้วจะมีตำรวจรับแจ้งความให้
จากนั้นนางนันทาจึงโทรศัพท์ไปและมีเสียงผู้ชายรับและอ้างว่าเป็นตำรวจเป็นผู้กองฯ จะรับแจ้งความให้พร้อมกับโอนสายให้สารวัตรพูดด้วย หลังจากนั้นคนที่อ้างว่าเป็นสารวัตรได้วิดีโอคอลกลับมาหาตนอีกครั้งและเห็นว่าเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบเต็มยศ ตนจึงเชื่อว่าเป็นตำรวจจริงๆ ซึ่งตำรวจแจ้งว่าบัญชีธนาคารของตนถูกนำไปใช้ฟอกเงิน จำนวน 14 ล้านบาท โดยบัญชีของตนถูกขายไปให้แก๊งคอลเซนเตอร์ จำนวน 50,000 บาท ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูกและมีความกลัว ตำรวจบอกว่าจะให้การช่วยเหลือแต่ต้องขอให้นำเงินและทรัพย์สินต่างๆของตนที่มีอยู่มาให้ตำรวจตรวจสอบทั้งหมด ถ้าไม่อย่างนั้นทรัพย์สินทั้งหมดก็จะถูกยึดและลูกของตนที่เป็นข้าราชการทั้ง 2 คน ก็จะถูกให้ออกจากราชการ ตนจึงยินยอมปลายสายยังบอกให้ตนไปเอาทรัพย์สินที่มีอยู่ในบ้านมาโชว์หน้ากล้อง เพื่อให้ตำรวจดู ตนจึงไปเอาเงินสดที่เก็บเอาไว้ในบ้าน จำนวน 9 หมื่นบาทและทองคำรูปพรรณ หนัก 9 บาท มาโชว์ให้ดู ปลายสายจึงบอกให้ตนนำทองคำไปขายหรือจำนำและให้นำเงินสดทั้งหมดไปฝากเข้าธนาคาร ตนก็ทำตาม หลังจากที่นำเงินสดฝากเข้าธนาคารแล้วก็กลับมาบ้าน ก็วิดีโอคอลมาอีกและบอกให้ตนกดเข้าแอปฯธนาคารตนก็ทำตามที่ปลายสายบอกทุกขั้นตอน แล้วก็โอนเงินไปจนหมดบัญชี วันต่อมาเขาวิดีโอคอลกลับมาอีกบอกให้ตนนำโฉนดที่ดินที่มีอยู่ไปจำนอง ซึ่งตนบอกว่าไม่มีรถที่จะเดินทางไป ทางปลายสายได้ให้เบอร์รถรับจ้างที่บริการวิ่งรับจ้างอยู่ใน บขส.ยโสธรมาให้ตน จึงโทรไปเรียกให้รถรับจ้างมารับตนเข้าไปที่ธนาคารแห่งหนึ่งในตัวเมืองยโสธร เพื่อให้ประเมินราคาที่ดินให้โฉนดที่ดิน จำนวน 8 ใบ ก่อนนำไปจำนองได้เงินมาประมาณ 1 ล้านบาท แล้วนำไปฝากกับธนาคารอีกและกลับมาถึงบ้านเขาก็วิดีโอคอลมาอีก บอกให้ตนเข้าแอปฯธนาคาร แล้วก็ถอนเงินไปจนหมดบัญชีอีก ซึ่งตนมีการโอนเงินไปหลายครั้งประมาณ 4 – 5 ครั้ง ครั้งละประมาณกว่า 4 แสนบาท โดยทางปลายสายจะวิดีโอคอลมาหาตนทุกวันและจะคุยอยู่กับตนตลอดเวลาทั้งวันเป็นเวลาประมาณ 20 วัน และห้ามไม่ให้ตนนำเรื่องไปบอกใคร แม้กระทั่งลูกของตนและบอกให้ตนอยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหนจนกระทั่งล่าสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาเขาวิดีโอคอลกลับมาอีก ขอให้ตนโอนเงินไปให้อีก แต่ตนไม่มีเหลือแล้วจึงได้ไปขอยืมเพื่อนบ้านมาได้ 1 แสนบาท แล้วโอนไปให้เป็นก้อนสุดท้าย ระหว่างนั้นปลายสายได้ขอเบอร์โทรศัพท์ลูกชายของตนตนจึงให้ไป จนกระทั่งช่วงบ่ายวันเดียวกันลูกชายตนได้เดินทางกลับจากที่ทำงานมาหาตนที่บ้านพร้อมกับเล่าให้ฟังว่ามีแก๊งคอลเซนเตอร์โทรไปหาบอกว่าให้ไปดูแม่ด้วย เนื่องจากแม่ถูกหลอกให้โอนเงินจนหมดตัวแล้วและยังด่าลูกชายอีกว่าเป็นลูกเนรคุณไม่ดูแลพ่อแม่พร้อมกับได้ส่งภาพที่ตนเองโชว์เงินและทองคำให้ลูกชายดูด้วย ตนจึงรู้ตัวว่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก
สรุปแล้วตนเสียเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 2 ล้าน 4 แสนบาท โดยโอนไปหลายครั้งแต่ละครั้งบัญชีปลายทางจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นในช่วงค่ำของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ลูกชายจึงได้พาตนเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.เมืองยโสธร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวแก๊งคอลเซนเตอร์กลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามเงินที่ตนสูญไปกลับคืนมาให้ด้วยและอยากฝากเตือนภัยให้กับคนทั่วไปอย่าไปหลงเชื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ถ้ามีเบอร์แปลกๆเข้ามาห้ามรับสายและอย่าไปหลงเชื่อโดยเด็ดขาดเพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์เหมือนอย่างตน