นายจ้างส่งทนายพร้อมสาวใช้อีกคน ชี้แจงกรณีทารุณกรรมลูกจ้าง รับทำร้ายจริง เพราะสุนัขชิวาวาลูกรักถูกตีจนหลังหัก รักษา 2 แสน โต้จ่ายเงินเดือนครบทุกเดือน
วันนี้ ( 26 ก.พ.68) ความคืบหน้ากรณีสาวใช้ ร้องขอความช่วยเหลือจากกัน จอมพลัง อ้างว่าถูกนายจ้างโหดทำร้าย ทารุณกรรมมานานกว่า 5 ปี ล่าสุดนายสุทธิพันธ์ บุญโปร่ง ทนายความของนายจ้าง ได้พานางสาวแบม อายุ 22 ปี เพื่อนสาวใช้อีกคนที่ผู้เสียหายบอกว่าขาดการติดต่อ พามาแสดงตัวที่ สภ.บางกรวย
โดยนางสาวแบม ยืนยันว่า ปลอดภัยดี และไม่มีใครติดต่อมา เนื่องจากถูกผู้เสียหายบล็อกเบอร์ มีเพียงตำรวจโทรแจ้งจึงมาพบตำรวจ และตนทำงานกับนายจ้างมาประมาณ 1 ปีแล้ว ไม่เคยถูกทำร้าย อาจมีโดนดุบ้างเวลาทำงานผิดพลาด ส่วนที่ผู้เสียหายบอกว่าถูกทำโทษ เคยมีบางครั้งที่นายจ้างทำโทษ เนื่องจากผู้เสียหายทำให้สุนัขชิวาวาของนายจ้างป่วย และไม่ดูแลให้ดี เวลาป้อนยาป้อนอาหาร มักจะบีบคอสุนัข จับกดหัว ทำให้อาการสุนัขไม่ดีขึ้น หลังจากที่ผู้เสียหายออกจากบ้านไป ตนเป็นคนดูแลสุนัข อาการก็ดีขึ้นและบางครั้งที่นายจ้างให้ผู้เสียหายถ่ายรูปกระเป๋าแบรนด์เนมเพื่อส่งให้ลูกค้าดู แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมทำงาน เอาแต่เล่นโทรศัพท์
ส่วนเรื่องเงินเดือน ตนได้จากนายจ้างปกติ ยืนยันว่านายจ้างไม่ได้ยึดบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือ หรือห้ามติดต่อญาติ ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายก็ยังยืมโทรศัพท์มือถือ ของตนเองโทรหาญาติพี่น้องบ่อย ๆ ส่วนเรื่องทองนั้น มีบางเส้นที่นายจ้างให้ผู้เสียหายนำไปขายจริง แต่ทองที่หายไปเป็นคนละเส้น
สำหรับนิสัยใจคอของนายจ้าง ยืนยันเป็นคนจิตใจดี เวลาตนมีปัญหาร ก็ช่วยเหลือตลอด ล่าสุดปู่ของตนถูกรถชนเสียชีวิต นายจ้างก็ช่วยติดตามคดี และดำเนินการเรื่องเรียกร้องเงินเยียวยาให้ โดยในบ้านมีสาวรับใช้ 2 คน คือตนเอง และผู้เสียหาย หลังจากนี้ตนก็กลับไปอยู่กับนายจ้างเหมือนเดิม เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และนายจ้างก็ดูแลดีมาโดยตลอด
ทั้งนี้นางสาวแบมยังแฉด้วยว่า หลังผู้เสียหายออกจากบ้านไป ผู้เสียหายไปอยู่กับอดีตแฟนหนุ่มของตนเอง หลังจากที่ตนเองเลิกรากับอีกฝ่ายได้ประมาณ 4 เดือน และตนเพิ่งทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ที่อีกฝ่ายโทรมาสารภาพ
ด้านนายสุทธิพันธ์ ยอมรับว่า เห็นคลิปที่นายจ้างตีผู้เสียหายหลายแล้ว รู้สึกว่าเป็นพฤติกรรมที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และได้พูดคุยกับนายจ้าง พร้อมยอมรับผิดและพร้อมเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ส่วนสาเหตุที่ตีนั้น เกิดจากที่ผู้เสียหายตีสุนัขของนายจ้าง จนเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังสุนัขมีปัญหา ต้องผ่าตัด เสียค่ารักษากว่า 2 แสนบาท จนตอนนี้อาการสุนัขไม่กลับมาเป็นปกติ ส่วนกรณีสาดน้ำแกง ยืนยันว่าเป็นอาหารที่เตรียมไว้ถวายพระ ซึ่งนายจ้างค่อนข้างเข้มงวด เพราะต้องการถวายอาหารที่ดีที่สุดให้กับพระ แต่ผู้เสียหายกลับทำอาหารไหม้ จึงมีการเหวี่ยงอาหารทิ้ง และก็ไม่โดนผู้เสียหาย และไม่ใช่อาหารประเภทแกง แต่เป็นผัดผัก
ส่วนคดีลักทรัพย์ จากการพูดคุยกับนายจ้าง ยังคงยืนยันว่ามีทรัพย์สินเป็นทองหายไป และภายในบ้านมีอยู่กันเพียงไม่กี่คน ไม่มีบุคคลภายนอกมาที่บ้าน เมื่อทรัพย์สินหายไปในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายออกจากบ้านไป นายจ้างย่อมสงสัยได้ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการสืบสวนของตำรวจ
ด้านพันตำรวจเอกกิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผู้กำกับการ สภ.บางกรวย เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน มีกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และเห็นผู้เสียหายกำลังหยิบของบริเวณที่นายจ้างอ้างว่าเก็บทรัพย์สินไว้ จากนั้นผู้เสียหายก็หนีออกจากบ้านไป ทำให้เป็นเหตุอันควรสงสัยให้ไปขอศาลออกหมายจับในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างได้ แม้จะเห็นภาพทรัพย์สินไม่ชัด ส่วนกรณีที่จับกุมผู้เสียหาย ไม่ใช่ตำรวจของ สภ.บางกรวยไปจับ เป็นตำรวจหน่วยอื่นที่จับกุมตามหมายจับที่ปรากฎในระบบ และไม่ได้มีการไปค้นห้อง ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวน สภ.บางกรวยกำลังไล่กล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบเส้นทางหลังเกิดเหตุ และค้นหาทองที่หายไป
พร้อมยืนยันตำรวจไม่ได้รู้จักกับนายจ้างเป็นการส่วนตัว ซึ่งนายจ้างอาจเคยมาแจ้งความบ้าง แต่เป็นการมาพบตามปกติ แต่ไม่พบว่ามีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว