กัน จอมพลัง ตำรวจเมืองราชบุรี พร้อมพม.ราชบุรี บุกช่วยหนูน้อย วัย 2 ขวบ ถูกพ่อขี้ยาทำร้ายร่างกาย ใบหน้า หู ร่างกายบวมช้ำ อ้าง ลูกตกศาลพระภูมิ
วันที่ 3 มี.ค.68 กัน จอมพลัง พร้อม พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผกก.สภ.เมืองราชบุรี และนางขวัญนภา อินทรโพธิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยชุมชนสันคู ถ.เจดีย์หัก ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเด็กถูกพ่อทำร้ายร่างกายจนใบหน้า และดวงตาบวมเป่ง ในบ้านพบนายอดุลวิทย์ อายุ 31 ปี อยู่ลูกชายวัย 2 ขวบ สภาพร่างกายของเด็กมีร่องรอยฟกช้ำ ตาข้างซ้ายมีผ้าปิดตาไว้ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กต้องรีบนำตัวเด็กออกมาจากบ้าน พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชบุรี
สอบถามนายอดุลวิทย์ พ่อเด็กอ้างว่า ไม่ได้ตีลูกบ่อยแต่ถ้าดื้อก็จะตี ซึ่งใบหน้าที่ฟกช้ำ เพราะตกศาลพระภูมิ ส่วนรอยช้ำตามตัวเป็นตั้งแต่ออกไปเล่นกับลูกชาวบ้านในช่วงตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ส่วนใบหูลูกชายมีรอยเขียวช้ำ ไม่รู้ว่าใครทำ ยอมรับว่าเสพยา และแม่ของเด็กก็เสพยาเหมือนกัน ที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในส่วนที่ลูกตาบวมนั้นเพราะเอามือที่ไม่ได้ล้างไปขยี้ตาข้างที่ช้ำ พาไปหาหมอแล้ว ซึ่งตนเองไม่ได้ทำลูก แต่เป็นเพราะลูกตกศาลพระภูมิ
สอบถามชาวบ้านที่เป็นพลเมืองดี ให้ข้อมูลว่า เห็นเด็กชาย 2 ขวบใบหน้า หลังหู รวมถึงหน้าอก มีรอยบวมช้ำ แต่พ่อกลับอ้างว่าลูกตกศาลพระภูมิ ล่าสุดเมื่อวานตนซื้อข้าวมาให้เด็ก แต่พ่อกินหมด ซึ่งให้เงินมาพ่อก็เอาไปซื้อยาเสพ จึงอยากให้ช่วยนำเด็กออกไปจากตรงนี้ เพราะสงสาร เห็นสภาพเด็กมีนัยตาแตก บวมช้ำ อยากให้แม่เขามานำลูกไปเลี้ยง
ด้านกัน จอมพลัง ก็บอกว่า หลังรับแจ้งได้รีบประสานหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และขอชื่นชมชาวบ้านที่ช่วยส่งข้อมูลให้ เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าบาดแผลไม่น่าจะเกิดจากตกศาลพระภูมิ และพ่อก็ยอมรับว่าใช้สารเสพติด ซึ่งทางบ้านพักเด็กก็จะนำเด็กไปดูแลก่อน
ส่วนพ.ต.อ.ทรงวุฒิ เผยว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหาข้อมูลหาพยานหลักฐานว่าเด็กถูกทำร้ายจริงหรือไม่ ซึ่งพ่อเด็กมีการย้ายที่อยู่ และมีการพฤติการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกดำเนินคดียาเสพติดอยู่ แต่ก็จะต้องทำการตรวจสอบในคดีเก่าด้วยเคยถูกดำเนินคดีในเรื่องอะไรอีกบ้าง เบื้องต้นบ้านพักเด็กและครอบครัว ราชบุรี นำเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งจะเข้ามาดูแล และทำข้อตกลงระหว่างพ่อของเด็ก ว่าจะไม่ทำร้ายร่างกาย และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้รับแจ้งอีกจึงได้รีบเข้ามาและช่วยนำตัวเด็กออกไปตรวจก่อนซึ่งตอนนี้เด็กอยู่ในความปลอดภัยแล้ว ในส่วนอื่นก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ