สนามข่าว 7 สี - สำนักงานประกันสังคม สั่งสอบมาตรฐานการรักษา และบริการทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย หลังผู้ประกันตน มาตรา 33 ไปรักษาแล้วเสียชีวิต โดยคนสนิทของผู้เสียชีวิต โทษที่ระบบดูแลไม่ดีพอ จำเป็นต้องรื้อการให้บริการผู้ป่วยทั้งหมด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งเป็นการตอกย้ำบริการทางการแพทย์ของประกันสังคม ที่กำลังถูกจับตามองจากสังคม ว่าเงินสมทบที่เสียไป คุ้มค่ากับบริการที่ได้มาหรือเปล่า
อย่างกรณีล่าสุดผู้ประกันตนชาย มาตรา 33 อายุ 52 ปี เสียชีวิต เพราะระบบการรักษาล่าช้า โรงพยาบาลที่ให้บริการมัวแต่วินิจฉัยโรคไปมา ขนาดผู้ป่วยแน่นหน้าอก เจ็บตรงลิ้นปี่ หายใจไม่ออก ทางโรงพยาบาลยังให้นอนดูอาการ แล้วรับยากลับบ้าน ไม่ให้แอดมิต
สุดท้ายต้องกลับมาใหม่อีกวัน เพราะอาการไม่ดีขึ้น ครั้งนี้ทางโรงพยาบาลให้แอดมิต นอนดูอาการ และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะ แต่จนแล้ว จนรอด ก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็นว่า หัวใจวายเฉียบพลัน
เรื่องนี้ ถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงระบบการรักษาของสิทธิประกันสังคม ล่าสุด "สำนักงานประกันสังคม" มอบหมายผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบเกิดจากทำงานล่าช้า หรือวินิจฉัยบกพร่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ปกติประกันสังคม จะส่งทีมไปประเมินสถานพยาบาลอยู่แล้วทุก ๆ ปี ทั้งสถานที่การรักษาและบุคลากรทางการแพทย์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พร้อมยอมรับว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์บริการประกันสังคม
หลายคนตั้งคำถาม แล้วคุ้มหรือไม่ ? กับเงินสมทบรายเดือนที่ต้องจ่าย ทาง นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค มองว่าประกันสังคมควรยกเรื่องสุขภาพให้ สปสช.ดำเนินการ เพราะเมื่อเทียบสิทธิประโยชน์ระหว่างผู้ประกันตนกับสิทธิบัตรทอง พบผู้ประกันตนเสียผลประโยชน์มากกว่า