"ไอ้เคี่ยม" ลูกทรพีฆ่าแม่ ที่ จ.ตรัง เหลี่ยมจัด! แอบฉกลวดเสียบกระดาษกำไว้ในมือแน่น หวังสะเดาะกุญแจหลบหนี แต่ตำรวจจับพิรุธได้ทัน
4 มี.ค. 68 ที่ สภ.ย่านตาขาว พ.ต.ท.ปฐมพร ปราบปัญจะ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุวิทย์ สุวรรณราช รอง สว. (สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้เบิกตัว นายณัฐพล หรือ "เคี่ยม" อายุ 28 ปี อดีตนักมวย ออกจากห้องขัง ภายหลังจากตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ จ.76/2568 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2568 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฆ่าบุพการี’ คือ นางสุดารัตน์ นาเลื่อน หรือป้าติ๋ม อายุ 46 ปี อาชีพค้าขายผักผลไม้ ผู้เป็นแม่เสียชีวิต ภายในบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 3 บ้านเกาะแต้ว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา จนกระทั่งสามารถจับกุมได้ ที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 2 มี.ค. และนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.ย่านตาขาว เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.)
โดยภายหลังจากนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาในท้องที่เกิดเหตุตั้งแต่วานนี้ (3 มี.ค.) ยังคงไม่สามารถให้การใด ๆ ได้ เนื่องจากยังพูดจาวกวน แต่ตลอดคืนที่ผ่านมา ขณะผู้ต้องหารายนี้อยู่ในห้องขัง มีสภาพนอนหลับและกินได้ตามปกติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเบิกตัวออกมาสอบปากคำอย่างละเอียดในช่วงเที่ยงของวันนี้ (4 มี.ค.) โดยมีทนายอาสาฝ่ายผู้ต้องหาอยู่ร่วมในการสอบปากคำ
ซึ่งนายณัฐพล สามารถให้การที่เป็นประโยชน์ โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าแม่ตนเองจริง ด้วยการใช้หมัดชกต่อยจนเสียชีวิต ส่วนมูลเหตุมาจากการบันดาลโทสะ ไม่ใช่การโกธรหรือโมโห เนื่องจากทะเลาะวิวาทกับผู้เป็นแม่ ส่วนมูลเหตุที่ทะเลาะวิวาท ผู้ต้องหาไม่ขอตอบในประเด็นนี้ ส่วนในเรื่องของการเสพยาเสพติดนั้น ผู้ต้องหาให้การต่อว่า ปัจจุบันนี้ไม่ได้เสพเมทแอมเฟตามีน แต่ในอดีตนั้นไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน
สำหรับในประเด็นบางส่วน เช่นการที่ผู้ต้องหาให้การว่าใช้เพียงหมัดหรือมือชกต่อย ทางตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การในทั้งหมด ซึ่งจากการที่ผู้ต้องหาให้การและใช้คำพูดต่าง ๆ เจ้าหน้าที่มองว่าผู้ต้องหาอาจจะมีความรู้ ประสบการณ์ในการให้การเพื่อเป็นประโยชน์กับตนเองในทางคดี ทั้งการให้การว่าไม่ได้กระทำลงด้วยการโมโห แต่เพราะบันดาลโทสะ เป็นต้น และในช่วงแรก ๆ ของการสอบปากคำ ผู้ต้องหายังคงปริปากเงียบ แต่ภายหลังจากมีการได้พูดคุยกับทนายอาสา ผู้ต้องหากลับมาให้การได้ แต่ในบางครั้งก็มีอาการในลักษณะตีมึนไม่ตอบในคำถามบางส่วน
ต่อมา ภายหลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้นโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3-4 นาย ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องสอบสวน เพื่อนนำไปเข้าห้องขัง จังหวะเดียวกันนั้น พ.ต.ท.ปฐมพร ปราบปัญจะ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว สังเกตเห็นผู้ต้องหามีสีหน้าเปลี่ยนไปจาเดิมและมีพิรุธ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าผู้ต้องหากำมือด้านขวาแน่น จึงได้ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาแอบกำเอาลวดเสียบกระดาษที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสอบสวนออกมาด้วย จึงเชื่อได้ว่าอาจจะนำไปสะเดาะกุญแจมือหรือกุญแจห้องขัง ในการคิดจะหลบหนี จนทำให้ผู้ต้องหามีอาการตกใจที่ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ เมื่อสอบถามว่าจะเอาไปไหน ผู้ต้องหาตอบเพียงว่า “ไม่ครับ ไม่ถือไปไหน” และถามต่อว่าจะหลบหนีไปไหน ผู้ต้องหาตอบว่า “จะไป จ.ตราด” ก่อนจะถูกควบคุมตัวเข้าห้องขังในทันที เมื่อเข้าไปถึงภายในห้องขัง ผู้ต้องหาได้ถอดเสื้อและนั่งลงทันที
ส่วนประวัติคดีอาญาผู้ต้องหารายนี้เคยต้องคดีวางเพลิงเผาทรัพย์บ้านของตัวเอง เมื่อปี พ.ศ.2564 และมีการตัดสินให้รอลงอาญา และในวันนี้ยังได้มีการตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้งปรากฏว่าไม่พบการใช้ยาเสพติดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันที่บ้านหลังเกิดเหตุ ทางญาติและบรรดาลูก ๆ ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดหนองชุมแสง จำนวน 2 รูป มาเชิญดวงวิญญาณ ของผู้เสียชีวิตที่บริเวณจุดที่ถูกลูกชายทำร้ายจนเสียชีวิตเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีการนำเสื้อตัวโปรดที่เพิ่งซื้อให้แม่และเป็นตัวเดียวกับที่ใช้เช็ดเลือดของแม่ ใส่ไปในถุงพร้อมกับสายสิญจน์ที่ใช้นำทางพาดวงวิญาณออกจากบ้านไปที่วัด
ส่วนบรรยากาศการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นางสุดารัตน์ หรือป้าติ๋ม อายุ 46 ปี ผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต ได้ตั้งที่วัดหนองชุมแสง หมู่ 6 ต.หนองชุมแสง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติพี่น้อง และจะมีการประชุมเพลิงในวันที่ 10 มี.ค. 68 ที่จะถึงนี้
ด้าน นายอนนท์ตชัย ทองตรีพันธุ์ อายุ 27 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนออกไปทำงานเป็นนักมวยอาชีพที่เกาะสมุย ได้ประมาณ 3 ปีกว่า ๆ เพราะอยู่ที่ จ.ตรัง บ้านเราไม่มีงานอะไรที่จะให้เราทำเพื่อสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่และญาติพี่น้องเราได้ จากคนที่ไม่มีจะกิน กลับได้มีกินได้ช่วยเหลือที่บ้านทุกอย่างให้พ้นจากภาระ ทั้งผ่อนรถแม่ แบ่งเบาค่าน้ำค่าไฟที่บ้าน และในส่วนของพี่ชาย ตนจัดการทั้งเรื่องเงินอาหารการกิน โดยให้เงินผ่านแม่มา และตนเป็นคนดูแลแม่มาทั้งชีวิตแล้ว ภายหลังจากต่อยมวยเป็นอาชีพ ก็ไม่เคยขอเงินพ่อแม่มีแต่เลี้ยงดูพ่อแม่ ผมเหนื่อยมาก จากที่ตนเคยป่วยเดินไม่ได้ นอนติดที่มา 2 ปีกว่า ๆ แม่มาให้กำลังใจ วันนี้เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าบุพการี” โดยผู้ต้องหาปฎิเสทและขอใช้สิทธิ์ในการขอไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพและจะมีการควบคุมตัวนำส่งฟ้องศาล จ.ตรังและฝากขังต่อไปในวันนี้