ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากก่อนหน้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษากฎหมายคุมเวลาขายเหล้าช่วงเวลา 14.00-17.00 น. และการห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว ล่าสุดวันนี้ ที่ประชุมได้มีการผ่อนคลายให้ขายเหล้า-เบียร์ในวันพระใหญ่ได้ในบางพื้นที่
ยังห้ามขายเหล้าวันพระใหญ่ ผ่อนปรน 5 พื้นที่
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่ ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (3 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนาสำคัญ 5 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา แต่ให้ผ่อนคลายให้ขายได้บางสถานที่ คือ
1. การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บินการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
2. การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ เช่น ไนต์คลับ บาร์ ร้านเหล้า
3. การขายในสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ หรือแหล่งท่องเที่ยว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
4. การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
5. การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกันตามสถานที่ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นอกจากนี้ ยังผ่อนปรนเรื่องการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 เรื่อง คือ ผ่อนปรนให้สามารถขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือขบวนที่เช่าเหมา และพิจารณาตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูลประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ดูความเหมาะสมและความถูกต้องของมาตรการต่าง ๆ ยังไม่ได้เป็นการห้ามหรือการส่งเสริม แต่ให้ไปศึกษาถึงผลกระทบ
ยังไม่คุยคุมเวลาห้ามขายเหล้า
นายประเสริฐ กล่าว ส่วนช่วงเวลาการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น. ยังคงเดิม ในการประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้พิจารณา เพราะหากจะแก้ไขต้องแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นกฎหมายใหญ่ ซึ่งต้องหารือกันในขั้นตอนต่อจากนี้
สำหรับขั้นตอนของกาศประกาศมาตรการนี้ จะนำมติที่ประชุมไปรับฟังความคิดเห็นภายใน 15 วัน หลังจากนั้นจะส่งให้ กระทรวงสาธารณสุข ให้การรับรอง และส่งกลับมาให้ นายกรัฐมนตรี ลงนาม ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จก่อนวันที่วิสาขบูชา ที่ตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคมปีนี้ อย่างแน่นอน ประกาศที่จะออกมาในครั้งนี้ จะส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวตามที่รัฐบาลประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยว ยกตัวอย่างในกรุงเทพฯ ก็จะมีพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากไปท่องเที่ยวได้ประโยชน์
"ไอซ์" จี้ สปส.เผยข้อมูล-ควบรวม 3 กองทุน
ส่วนเรื่องดรามาประกันสังคม การตั้งข้อสงสัยว่าการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ วันนี้ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อหารือแนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการประกันสังคม
หลังการประชุม นางมารศรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมหารือ 2-3 ประเด็น 1.กรณี ผอ.กองกฎหมายมีหนังสือกำชับเรื่องการเปิดเผยข้อมูล 2.กรณีเผยแพร่ผลการประชุมบอร์ดต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์นั้น สามารถทำได้ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะรีบไปดำเนินการ คาดว่าน่าจะประมาณสัปดาห์หน้า และ 3.เรื่องการรวมกองทุนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกองทุนสวัสดิการข้าราชการ
ซึ่งเป็นรายละเอียดที่มีการขับเคลื่อนมาสักระยะหนึ่ง เป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนต่อ ในส่วนของ สส. รับปากว่าจะไปดูเรื่องนี้และขับเคลื่อนร่วมกัน ว่าจะทำอย่างไรให้สิทธิการรักษาพยาบาลผู้กองทุนเป็นสิทธิเดียวกัน
"ไอซ์" ชี้ประกันสังคม ต้องมีสิทธิเหนือบัตรทอง
นางสาวรักชนก บอกว่า ที่มาพูดคุยวันนี้ประเด็นหลัก คือ เรื่องของการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะกรณีหนังสือเวียนที่ส่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้สำนักงานประกันสังคม เรื่องที่ 2 คือ มติของบอร์ดประกันสังคมทุกชุดที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ต้องมีการเปิดเผยได้
แต่หากยังไม่เปิดเผยข้อมูลอีก ตนก็คงต้องทำให้ท่านไม่สบายใจอีก เพราะหากมีการเปิดเผยข้อมูลย่อมส่งผลดี เพราะเมื่อเรารู้ว่าคุยอะไรกันในที่ประชุม หากผู้ประกันตนอ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่ใช่ ก็ส่งเสียงด่าได้
สำหรับการควบรวม 3 กองทุนสุขภาพ เข้าใจว่า ไม่มีใครที่ยืนอยู่ตรงนี้จะสามารถตัดสินใจแทนรัฐมนตรีได้ แต่คนที่ต้องทำเรื่องนี้ให้พร้อม คือ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งท่านมีการตั้งบอร์ดศึกษาการควบรวมเสร็จแล้ว ขอเรียกร้องว่า หากมีความจริงใจในการจัดการปัญหาเรื่องนี้จริง ๆ จะต้องกำหนดระยะเวลาว่า จะศึกษาภายในระยะเวลาเท่าไหร่ และในอีกกี่ปีข้างหน้าเรื่องนี้ถึงจะเกิดขึ้น
นางสาวรักชนก กล่าวว่า ก้าวแรกที่เป็นไปได้ สิทธิรักษาต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ต่ำไปกว่าสิทธิบัตรทอง ส่วนคนที่จ่ายเงินสมทบอาจต้องมีสิทธิอะไรที่เหนือกว่า เช่น อาจเป็นบัตรทองพลัส หรือมีสิทธิอะไรเหนือกว่า
ลดขายสลากใบ เพิ่มสลากดิจิทัลอีก 2 ล้านใบ
ส่วนเรื่องของการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มีนาคมนี้ สำนักงานสลากฯ ได้ปรับโครงสร้างการจำหน่ายสลากใหม่ เพื่อแก้ปัญหาสลากเกินราคา 80 บาท โดยให้ผู้ขายเข้าสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น
ในส่วนของสลากใบจะต้องลดลง 2 ล้านใบ โดยจะลดจากงวดละ 80 ล้านใบ เหลืองวดละ 78 ล้านใบ เป็นการลดในส่วนของตัวแทนจำหน่ายสลากที่มีโควตา เช่น มูลนิธิ ที่ขอเปลี่ยนจากขายสลากใบมาขายสลากดิจิทัลแทนกว่า 2 ล้านใบ ส่วนสลากดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านใบ เป็นสูงสุดงวดละ 29 ล้านใบ จากปกติสูงสุดงวดละ 27 ล้านใบ ซึ่งเป็นส่วนการเพิ่มสลากระหว่างงวด ต้องรอดูสภาพตลาด หากขายหมดก่อนเวลา ก็จะเพิ่มสลากกลางงวด
ขณะที่สลากเลข 3 หลัก หรือเอ็น 3 จะปรับรูปแบบ จากเดิมสำนักงานสลากฯ ขายเอง 800 จุด เปลี่ยนเป็นให้ร้านค้าสลาก 80 และตัวแทนผู้พิการขายให้ เพิ่มเป็น 1,805 จุด ตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากงวดละหลักแสนใบ เป็นสูงสุด 2 ล้านใบ และหลังจากทดสอบการจำหน่ายสลากเอ็น 3 เฟสแรกเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้กำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 เพื่อขายผ่านตัวแทน โดยงวดแรก 16 มีนาคมนี้ ได้เริ่มขายตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม มีตัวแทนจำหน่าย 2 กลุ่ม คือ ตัวแทนโครงการสลาก 80 จำนวน 819 ราย และตัวแทนผู้พิการสลากดิจิทัล 986 ราย รวม 1,805 รายทั่วประเทศ วิธีการคัดเลือก จะพิจารณาแบ่งแยกผู้ขายตามพื้นที่รายจังหวัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระจุกตัวในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งมากเกินไป
เตือนอย่าซื้อสลากฯ ผ่านตู้ ส่อเข้าข่ายพนัน
ขณะที่นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเลือกซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านตู้จำหน่ายสลากอัตโนมัติที่ไม่มีสลากใบจริง อาจเข้าข่ายการเล่นการพนัน หรือ สนับสนุนให้มีการเล่นพนันได้ ทั้งนี้ กรมการปกครองได้ยืนยันว่า การจำหน่ายสลากโดยแพลตฟอร์ม ผ่านตู้จำหน่ายสลากอัตโนมัติ มีลักษณะเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และ พ.ร.บ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการจัดให้มีการเล่นเพื่อประโยชน์แก่ผู้จัดเอง เข้าข่ายการเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยไม่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง
เช่นเดียวกับ เจ้าของพื้นที่ที่เปิดให้ตั้งตู้จำหน่ายสลากอัตโนมัติ อาจเข้าข่ายการสนับสนุนให้มีการเล่นพนันอีกเช่นกัน จึงขอให้เลือกซื้อสลากดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น
