ผวา ! ไอ้คิ้วยักษ์เสพยาจนหลอน อาละวาดท้าต่อยพระเณร

ผวา ! ไอ้คิ้วยักษ์เสพยาจนหลอน อาละวาดท้าต่อยพระเณร

View icon 366
วันที่ 5 มี.ค. 2568 | 11.14 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พระ และชาวบ้านพากันผวา ! “ไอคิ้วยักษ์” อาศัยห้องน้ำวัดเป็นสถานที่เสพยา เกิดอาการหลอน เมื่อถูกห้ามกลับท้าต่อยตีพระ เณร ทำลาย เผา ข้าวของวัดเสียหาย และทิ้งอุปกรณ์เสพเพียบ

วันนี้ ( 5 มี.ค.68) ชาวบ้าน และพระสงฆ์ ในวัดวิเศษการ เขตบางกอกน้อย ทนไม่ไหวส่งเรื่องร้องเพจดังฯ และสื่อ ให้เร่งช่วยเหลือ หลังต้องหวาดระแวงกับพฤติกรรมของชายเร่ร่อนคนหนึ่ง ที่มักใช้ห้องน้ำวัดเป็นสถานที่เสพยา พอเกิดอาการหลอนก็ทำลายข้าวของในวัดจนพังเสียหาย หนักสุดจุดไฟเผาห้องน้ำ หนำซ้ำยังแสดงท่าทีก้าวร้าว ท้าต่อยท้าตีกับพระ และเณรในวัด จนชาวบ้านไม่กล้าเข้ามาทำบุญ

ทีมข่าว 7HD ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่วัดวิเศษการ เขตบางกอกน้อย พบว่าห้องน้ำวัดที่ถูกใช้เป็นที่เสพยา ได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่ยังคงมีรอยไหม้ที่สายยางฉีดชำระอยู่ สอบถามพระมหาณัฏฐพัฒน์ โชติธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ให้ข้อมูลว่า ชายที่ก่อเหตุ คนแถวนี้มักเรียกกันว่า “ไอ้คิ้วยักษ์” เนื่องจากมีรอยสักที่คิ้ว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 นายคิ้วยักษ์ ถูกกรมคุมประพฤติ ส่งตัวมาบำเพ็ญประโยชน์ที่วัด วันละ 6 ชั่วโมงต่อเดือน แต่ลูกศิษย์วัดสังเกตเห็นว่า นายคิ้วยักษ์ ชอบเข้าห้องน้ำเป็นเวลานานหลายชั่วโมงจนผิดวิสัย กระทั่งมารู้ความจริงว่าเข้าไปเสพยา ตนจึงวางแผนกับลูกศิษย์วัด หากเจอนายคิ้วยักษ์เข้าไปเสพยาอีก ให้รีบบอก จะได้แจ้งตำรวจมาจับ เพื่อจะได้จับได้คาหนังคาเขา

กระทั่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา นายคิ้วยักษ์ได้เข้าไปเสพยาในห้องน้ำอีกครั้ง จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ สน.บางกอกน้อย ให้เข้ามาที่วัดทันที โดยตอนนั้น นายคิ้วยักษ์อยู่ในอาการมึนงง พูดจาไม่รู้เรื่อง ในห้องน้ำพบหลักฐานเป็นฟอยล์ห่อกระดาษ และอุปกรณ์เสพยาถูกวางกระจัดกระจาย

ขณะที่ชาวบ้าน ให้ข้อมูลว่า ช่วงที่ไอ้คิ้วยักษ์ เข้ามาบำเพ็ญประโยชน์ที่วัด ได้สร้างความเดือดร้อนไว้มากมาย โดยเฉพาะห้องน้ำวัด ที่แทบไม่มีใครได้เข้าไปใช้ เพราะถูกทุบจนฝาชักโครกพัง และทิ้งเศษฟอยล์ กับขยะไว้จนเกลื่อน หลายคนมั่นใจว่าหลังเป็นข่าวออกไปแล้ว ไอ้คิ้วยักษ์คงจะไม่กล้ากลับมาที่วัดนี้อีก

เบื้องต้น ทีมข่าว ได้ประสานไปยังตำรวจชุดสืบสวน สน.บางกอกน้อย ให้ข้อมูลว่า บุคคลดังกล่าวมีฉายาว่า “ คิ้วยักษ์”  หรือ นายชูเกียรติ อายุ 24 ปี เป็นเร่ร่อน และมีอาการทางจิต เนื่องจากเสพยามาเป็นเวลานาน ที่ผ่านมาตำรวจเคยเข้าจับกุมแล้ว 2 ครั้ง  และได้ส่งฟ้องศาลก่อนที่จะส่งตัวไปบำบัด ซึ่งล่าสุดทราบว่าเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา จนกระทั่ง มาก่อเหตุอีกครั้งที่วัดวิเศษการ แต่พอตำรวจไปถึงกลับไม่พบตัวชายคนดังกล่าวแล้ว และไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เพราะเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หลังจากนี้ตำรวจจะลงไปตรวจขันมากขึ้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในพื้นที่