มติ กคพ. 11 ต่อ 4 งดออกเสียง 3 รับสอบ “ฮั้วเลือก สว.” เฉพาะความผิดฐานฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ส่วนโยงถึง “อั้งยี่” หรือไม่ ต้องดูรายละเอียดเพิ่ม
วันนี้ (6มี.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) แถลงข่าวมติที่ประชุม กคพ. รับสอบการฮั้วเลือก สว. กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เป็นคดีพิเศษ โดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง จากผู้เข้าร่วมประชุม 18 คน เห็นชอบ 11 คน ไม่เห็นชอบ 4 คน และ งดออกเสียง 3 คน ส่วนคดีอาญาอื่นที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้อง จะทำการสอบสวนต่อไป
นายภูมิธรรม ย้ำว่า การพิจารณาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคล หรือเรื่องการเมือง แต่พิจารณาตามข้อกฎหมาย และท้ายที่สุดศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด
ขณะที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวถึงขั้นตอน หลังจากนี้ว่า การประชุมในวันนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรค 1 ซึ่งตามปกติแล้ว อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สามารถชี้ขาดได้เลย แต่เนื่องจากมีข้อมูลบางประการที่มีข้อสงสัย ที่ต้องให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้เข้าประชุม ซึ่งเสียงของคณะกรรมการส่วนใหญ่ได้ชี้ขาดแล้วว่า เป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่ต้องใช้ตามมาตรา 21 วรรค 2 โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะเป็นเหมือนหลักค้ำประกันให้กับอธิบดี ดีเอสไอ คือการรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และ ขอให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยุติธรรม รวมถึงให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นเรื่องที่ดีเอสไอ จะจัดตั้งพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี ย้ำว่า ดีเอสไอสอบในความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนจะขยายไปเป็นคดีอั้งยี่หรือคดีอื่นหรือไม่ คงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง