มุกใหม่แก๊งคอลเซนเตอร์ เตือน "แก๊งคอลสยิว" ดูดรูปตำรวจหญิงไปสร้างโพรไฟล์หลอกวิดีโอคอลเสียวหนุ่ม ๆ แบล็กเมลรีดเงิน

มุกใหม่แก๊งคอลเซนเตอร์ เตือน "แก๊งคอลสยิว" ดูดรูปตำรวจหญิงไปสร้างโพรไฟล์หลอกวิดีโอคอลเสียวหนุ่ม ๆ แบล็กเมลรีดเงิน

View icon 352
วันที่ 7 มี.ค. 2568 | 16.16 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (7 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะปฏิบัติการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ชนิด “ไม่จบไม่เลิก”ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี หลังจากภารกิจตัดน้ำตัดไฟไม่ส่งน้ำมัน จนทำให้มีแก๊งคอลเซนเตอร์ถูกจับกุมหลายพันคน ทั้งทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ ทำให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การหลอกลวงลักษณะนี้ลดลงไปมากกว่า 80% ปัจจุบันแม้จะลดลงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังได้รับแจ้งความว่าแก๊งคอลเซนเตอร์นอกจากจะหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็น DSI เป็น ป.ป.ส. หรือเป็นเจ้าหน้าที่ศาล หรือไปรษณีย์บ้าง โดยหลอกว่ามีพัสดุของเหยื่อมียาเสพติด หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือการฟอกเงินแล้วหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อ จนโอนเงินเสียหายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งรู้จักกันดีว่า “กองร้อยปอยเปต”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแก๊งเหล่านี้ยังคงใช้มุกเดิม ๆ หลอกคนไทยอยู่ แต่เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบ “แก๊งคอลสยิว” โดยคนร้ายเหล่านี้จะเข้าไปในโซเชียลมีเดียทั้ง TikTok Instagram หรือ Facebook และก๊อปปีรูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของเจ้าของ แล้วนำมาเปิดบัญชีใหม่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดี จากนั้นก็จะอินบ็อกซ์เข้าไปพูดคุยกับเหยื่อและขอแลก LINE หรือคุยผ่าน  Messenger ในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งเหยื่อตายใจ จากนั้นใช้วิธีการหว่านล้อมเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ เช่น ชักชวนลงทุนเล่นการพนัน หรือชวนอาบน้ำด้วยกัน หรือไม่ก็เปลือยกาย แล้วถ่ายอัดคลิปวิดีโอไว้ ก่อนแสดงตนเป็นคนร้ายทันที เพื่อแบล็กเมลเรียกเงิน

นายจิรายุ บอกอีกว่า ตนและฝ่ายสืบสวนตำรวจไซเบอร์ได้วางแผนจับกุมหลายครั้งในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยแก๊งคอลเซนเตอร์ดังกล่าวนี้ ล่าสุดได้ก๊อปปีรูปและคลิปวิดีโอกิจกรรมต่าง ๆ ของตำรวจหญิง ยศ ร.ต.ท. คนหนึ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีรูปร่างหน้าตาดี ไปหลอกเหยื่อจำนวนมาก ซึ่งได้สอบถามพร้อมกับส่งข้อมูลไปที่ ร.ต.ท.หญิง คนดังกล่าว ยืนยันว่า ร.ต.ท.หญิง คนดังกล่าวมีตัวตนจริง แต่ในบัญชีอื่น ๆ แจ้งว่าถูกก๊อบปีรูปถ่ายของผู้หมวดหญิงคนนี้ไปเปิดมากกว่า 10 บัญชี ทั้งทาง Facebook TikTok Instagram และ LINE ซึ่งการใช้โพรไฟล์ของตำรวจหญิง ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเหยื่อว่าไม่ใช่แก๊งคอลเซนเตอร์ หลังจากนั้นคนร้ายกลุ่มนี้ก็นำโพรไฟล์ของผู้หมวดหญิงไปหลอกสนทนากับเหยื่อ โดยจะใช้วิธีการอินบ็อกซ์ หรือกดไลค์ ตามด้วยคำหวานทำให้เหยื่อรู้สึกดี และพูดจาหว่านล้อม หลอกให้เหยื่อหลงตายใจอย่างใจเย็น จากนั้นคนร้ายก็จะพยายามชักชวนให้ช่วยสนับสนุน เนื่องจากเป็นตำรวจเงินเดือนน้อย มีภารกิจ เช่น จะนำเงินไปซื้ออาวุธปืน แล้วก็จะชวนสนทนาในเรื่องเพศ

ทั้งนี้ หากเหยื่อหลงกลก็เปลื้องผ้า หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คนร้ายก็จะบันทึกหน้าจอ หรืออัดวิดีโอไว้แล้วนำมาแบล็กเมลเรียกเงินตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาท ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้วิธีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าแจ้งความ เนื่องจากจำนวนมากกลัวกระทบต่อครอบครัว และจำนวนไม่น้อยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม

ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้ให้ตำรวจไซเบอร์ติดตามตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว คาดว่าจะได้ตัวแก๊งเหล่านี้ในเร็ววันนี้ และฝากเตือนภัยไปยังประชาชนให้ระวังรูปแบบนี้ ซึ่งมีประชาชนโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีการแบบนี้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากในปัจจุบัน หากไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตนของเหยื่อ ก็ขอให้แจ้งเลขบัญชีที่เหยื่อโอนไปให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ เพื่อทางตำรวจจะได้สืบในทางลับ ว่าบัญชีของคนร้ายที่ใช้เป็นใคร ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับข้อมูลทางบัญชีมาแล้ว พบว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคเหนือ ซึ่งได้มอบหมายให้ทาง พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก. สอท.4 เร่งดำเนินการแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง