ห้องข่าวภาคเที่ยง - รถกู้ภัย รถฉุกเฉิน เวลาส่งคนไข้ต้องขับเร็ว เพื่อรักษาชีวิตคนไข้หรือผู้ป่วย แต่เมื่อขับบนทางหลวง พอความเร็วเกินกฏหมาย ก็ไปเข้าตากล้องจับความเร็วส่งใบสั่งมา ทำเอาพี่กู้ภัยคาใจเลย
กู้ภัยงง รีบส่งคนไข้แต่โดนใบสั่งจับความเร็ว
เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจาก เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยอำเภอเสริมงามที่จังหวัดลำปาง ว่าได้รับใบสั่งจากสถานีตำรวจทางหลวง เป็นใบสั่งถูกกล้องจับความเร็วรถ ที่ความเร็ว 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนลำปาง-เชียงใหม่ หมายเลข 11 อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ซึ่งความผิดที่ระบุไว้ในใบสั่ง ไม่ต้องสืบข้อหาอะไร ก็ข้อหาขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนด โดนค่าปรับ 500 บาท
แต่สิ่งที่คาใจพี่ ๆ กู้ภัยคือ ที่ขับเร็วมีเหตุผล ก็เพราะว่าต้องรีบไปส่งผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งมีการให้ยาสลบเอาไว้ และต้องนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลสวนปรุง ในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ทันเวลา หากเลยเวลาที่กำหนดยาสลบหมดฤทธิ์ และผู้ป่วยก็อาจตื่นมาอาละวาดและคลุ้มคลั่ง ซึ่งก็จะเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่ไปกับรถ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความเร็วและเปิดไฟขอทางหรือไซเรน แล้ว
ทีนี้นักข่าวเราก็ไปถามตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง2 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จังหวัดลำปาง ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องคาใจและไม่ต้องงง เพราะกล้องจับความเร็วเป็นระบบเอไอ ถ้าขับเร็วก็จะถูกถ่ายรูป เอไอไม่ได้แยกว่าคันไหนรถทั่วไป คันไหนรถกู้ภัย ในกรณีนี้อยากให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยถือใบสั่งเข้ามาพูดคุยกับตำรวจทางหลวง มีทางออกในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ราชกิจจาฯ เพิกถอน ใบสั่งจราจรออนไลน์
มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องคำพิพากษาถึงที่สุด สั่งเพิกถอนใบสั่งจราจร-ค่าปรับออนไลน์ ที่ทำให้ตำรวจไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการเปรียบเทียบปรับให้เหมาะสมได้ ซึ่งผลจะเกิดขึ้นหลัง 180 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการประกาศออกมา
สรุปเรื่องนี้ง่าย ๆ ว่า นับตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ไปอีก 180 วัน หรือก็คือหลังวันที่ 20 สิงหาคม 2568 ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง "ใบสั่งจราจรออนไลน์" จะไม่มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งตอนนี้ใบสั่งออนไลน์ ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ตำรวจยังบังคับใช้ได้ตามปกติ
แล้วปัญหาเรื่องนี้คืออะไร ทีมข่าวสอบถามกับแหล่งข่าว ที่เป็นหนึ่งในผู้จัดทำเรื่องใบสั่งออนไลน์ บอกแบบนี้ว่า ปัญหาหลัก ๆ คือเรื่องที่ใบสั่งมีการกำหนดอัตราโทษปรับแบบเฉพาะเจาะจงลงไป ทำให้ตำรวจไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการเปรียบเทียบปรับเหมือนที่ผ่านมาได้ ซึ่งตามวัตถุประสงค์เป็นเพราะต้องการให้เกิดการเท่าเทียมกัน และจุดที่เป็นปัญหาต่อมา คือที่มีการฟ้องว่า ใบสั่งใบนี้ไม่มีช่องอุทธรณ์ให้โต้แย้งได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมี แต่ต้องไปแย้งผ่านแอปฯ ที่ชื่อ "ขับดี"
อย่างไรก็ตามในเมื่อเรื่องนี้มีคำพิพากษา มีผลบังคับใช้ออกมาแล้ว ทางแก้ก็คือต้องไปปรับดำเนินการแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งทราบข้อมูลว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ถ้าเสร็จไม่ทัน ใบสั่งออนไลน์ ก็จะหมดสภาพการใช้งานไป