เช้านี้ที่หมอชิต - ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเทียบกับคดีของ "อดีตผู้กำกับโจ้" ได้หรือเปล่า แต่ฟังจากคำบอกเล่าของแม่และจดหมาย ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงต้องร้องขอให้ DSI ช่วยตรวจสอบ
เนื้อความในจดหมาย อ้างว่า "ตอนนี้เจ้าหน้าที่จ้องเล่นงานผมทุกทาง ให้คนโทษน้อยมาทำร้าย เพื่อจะให้ผมสู้ แล้วตั้งเรื่องทะเลาะวิวาท ตนและพยานทุกคนถูกบีบทุกทาง เพราะเป็นปรปักษ์กับเจ้าหน้าที่ เรียกไปไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ผมไม่ยอม ตอนนี้กำลังจะถูกตัดเยี่ยมญาติ พร้อมบอกว่า อยู่ MAX (เรือนจำเขาบิน หรือ ซุปเปอร์แม็ก) ลำบากมาก ๆ"
นี่คือจดหมายน้อยขอความช่วยเหลือที่กว่าจะมาถึงมือของแม่ ถึงมือของ ทนายรณณรงค์ และมือของ DSI แทบไม่ต่างจากเรื่องราวในภาพยนตร์
ผู้ต้องขังชายต้องวางแผนแอบหาเศษกระดาษมาเขียนเรื่องราว แอบเย็บติดกางเกงในสลับกับเพื่อนที่กำลังจะพ้นโทษ ให้เอาติดตัวออกมาได้ เพื่อนเอาเบอร์โทร.ที่อยู่ด้านหลังกระดาษ โทร.หาพี่ของผู้ต้องขังนำจดหมายมาให้
แม่ของผู้ต้องขังชาย เล่าว่า รู้เรื่องนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว เรือนจำเปิดให้เข้าเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษ ลูกบอกว่าถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ขอให้ช่วยร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แดน 4 เป็นแดนที่มีการควบคุมพิเศษ การเยี่ยมจะต้องผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ซึ่งจะถูกบันทึกภาพและเสียงเอาไว้ จึงไม่สามารถเปิดภาพบาดแผลที่ถูกทำร้ายให้ดูได้
สาเหตุที่ลูกถูกทำร้าย เพราะมีปัญหากันทะเลาะวิวาท ระหว่าง บ้านภาคกลาง และ บ้านภาคใต้ มีผู้คุม 6 คน เข้ามาระงับเหตุ ผู้คุมบางคนได้ใช้ไม้กระบองตี ใช้รองเท้าคอมแบตกระทืบตามร่างกาย ใช้สายเคเบิลไทร์รัดมือไขว้หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้า คลานไปในท่าแถกปลาหมอ จนได้รับบาดเจ็บ รวม 11 คน บางรายถึงขั้นแขนหัก
ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า มีคนร้องเรียนปัญหาในเรือนจำมาเยอะ ถือเป็นโอกาสดีจะได้ตรวจสอบ วางมาตรฐานใหม่ เพราะเรือนจำเป็นสถานที่เพื่อพัฒนาให้ ผู้ต้องขังกลับตัวเป็นคนดีสู่สังคม