สนามข่าว 7 สี - 4 หน่วยงานปราบปรามการทุจริต ไปเจอโครงการจัดซื้อจัดจ้างซ่อมรถบัส ผิดปกติ จึงขยายผลตรวจสอบจนเจอข้าราชการ กทม. 7 คน เข้าไปพัวพัน ที่ไหนได้เป็นก๊วนเดิม ที่เพิ่งส่งฟ้องชี้มูลเรื่องซื้อเครื่องออกกำลังกายแพง แถมยังมีคนแฉว่าที่จับได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น
ตำรวจสอบสวนกลาง, ป.ป.ท., ป.ป.ช. และ สตง. ยกคณะกันไปตรวจสอบอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ดูก็รู้ว่าเป็นอู่ขนาดเล็ก แต่กลับถูกระบุว่าเป็นอู่รับงานซ่อมรถบัสขนาดใหญ่
ก็เลยต้องซักถามเจ้าของอู่ จนได้ข้อเท็จจริงว่า ปกติรับงานซ่อมรถขนาดเล็กให้กับ กทม. ทำงานกันไปได้ช่วงหนึ่ง ก็มีเจ้าหน้าที่ กทม. เข้ามาขอใบเสร็จเปล่า บอกว่าจะเอาไปเขียนราคาค่าซ่อม เพื่อเบิกค่าใช้จ่าย เมื่อเขียนใบเสร็จเสร็จแล้ว จะเอามาให้ไปเบิกเงินอีกที โดยอ้างว่าตัวรถซ่อมมาแล้ว จะให้ทางอู่ดำเนินการ แล้วเดี๋ยวจะให้เงินส่วนต่างเป็นการตอบแทน ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าไม่เคยได้ซ่อมรถบัสเลย
ส่วนเจ้าหน้าที่ กทม. 7 คน พบว่าสังกัดสำนักกีฬา และนักวิชาการพัสดุ ซึ่งก๊วนนี้ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด เรื่องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาสูงเกินจริง และคดีนี้ถือว่าร้ายแรงมาก เพราะไม่มีการซ่อมรถบัสเกิดขึ้นเลย สำหรับทั้ง 7 คน ผิดทั้ง มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจัดทำเอกสารกรอกข้อความอันเป็นเท็จ
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น เพจฯ "ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย" บอกว่าเป็นคนส่งข้อมูลการทุจริตให้กับ สตง. แล้วไม่ได้มีแค่เรื่องการจัดซ่อมที่แพงอย่างเดียว ยังมีค่าน้ำมันเครื่องแพงด้วย ลิตรละพันกว่าบาท
ยกตัวอย่าง น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย, ซิลิโคน ที่ราคาตามท้องตลาดขาย 200-300 บาท แต่ต้องมาจัดซื้อราคาหลักพันบาท ซึ่งมีแบบนี้อีกหลายรายการ
วันนี้ต้องตามกันต่อว่า ตำรวจจะขยายผลสอบสวนไปได้ถึงไหน แล้วจะไปเจอตัวการใหญ่หรือไม่ ?
ขอบคุณภาพจาก : Facebook ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย
