เจ้าบ่าวโต้ ปมเทงานแต่ง ล้มจนเอ็นขาด แต่โดนญาติเจ้าสาวบุกมาขู่ถึง รพ. เชื่อค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งไม่ถึง 5 แสน

เจ้าบ่าวโต้ ปมเทงานแต่ง ล้มจนเอ็นขาด แต่โดนญาติเจ้าสาวบุกมาขู่ถึง รพ. เชื่อค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งไม่ถึง 5 แสน

View icon 2.8K
วันที่ 13 มี.ค. 2568 | 10.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เจ้าบ่าวโต้ ปมเทงานแต่ง ล้มจนเอ็นขาด แต่โดนญาติเจ้าสาวบุกมาขู่ถึง รพ. เชื่อค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งไม่ถึง 5 แสน เพราะมีเงินสดไม่ถึง ด้านเจ้าสาว โต้กลับ ค่าใช้จ่าย 5 แสน นั้นไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด แต่ไปเอาของมาใช้ก่อน ยังไม่ได้จ่ายเงิน

จากกรณีที่ น.ส.ชฎารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี เจ้าสาว เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายพนัส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าบ่าว หลังเตรียมแต่งงานกันที่บ้านใน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่า พอถึงวันงาน นายพนัส กลับไม่ยอมมาแต่งงานตามนัด และไม่มีขันหมากรวมถึงสินสอดมาให้ตามที่ตกลงกัน แต่กลับหนีหายไปติดต่อไม่ได้

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับโทรศัพท์จากชาย ที่อ้างว่า ตนเป็นเจ้าบ่าวคนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ ตนอยากจะขอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมของตัวเอง เพราะตอนนี้ข่าวออกไปไกลมาก จริงบ้างไม่จริงบ้าง โดย นายพนัส กล่าวว่า ตนกับเจ้าสาวคบหากันมาเกือบ 2 ปี ตนทำงานเป็นเซลล์ขายสีและออกจากงานเมื่อ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ช่วงที่คบหากันตนให้เงินเจ้าสาวเก็บเดือนละ 1 หมื่นบาท จนถึงช่วงตกงาน ตนก็ออกไปตกกุ้งมาขายไม่ได้งอมืองอเท้า

ที่ผ่านมาเราทำมาหากินเก็บหอมรอมริบกัน 2 คนตลอด ไม่เคยมีญาติพี่น้องคนใดมายุ่งเกี่ยว จนกระทั่งถึงวันที่จะแต่งงานก็คุยกันจัดการกัน 2 คน โดยมีพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ พ่อแม่ของเจ้าสาวดีกับตนมากๆ ตนรักและเคารพ พ่อแม่เจ้าสาว เจ้าสาวเองก็รู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อเจ้าสาวช็อก ตนเป็นคนไปรับพาไปหาหมอที่รพ. นี่คือเหตุผลที่ตนอยากแต่งงานเพราะพ่อแม่เขาดีกับตน

ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยากให้ฟังในมุมของตนบ้าง ตนยอมรับแบบลูกผู้ชายว่า ตนผิดที่ไม่ไปแต่งงาน แต่สาเหตุมาจากญาติของเจ้าสาวที่มาด่าแม่ของตนและตนถึง รพ.พร้อมขู่จะยิงทิ้ง ตนรับไม่ได้ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนไปบ้านเจ้าสาวไปเอาชุดพรีเวดดิง จากนั้นวันที่ 10 มี.ค. ตนก็จัดเตรียมขันหมากที่บ้าน ทั้งตั้งเก้าอี้ให้คนที่มาจะถือขันหมากในวันที่ 11 มี.ค. เรียบร้อย แต่วันที่ 10 มี.ค. ตนประสบอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ มีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมารับไปส่ง รพ.โดยเส้นเอ็นขาดเดินไม่สะดวก

ตนได้บอกหมอหรือ จนท.ใน รพ.ที่มาดูแลตนทุกคนไปถามได้ว่า ตนต้องออกจากรพ.พรุ่งนี้ (11 มี.ค.) เพราะต้องไปแต่งงาน แต่หมอบอกว่าต้องนอน รพ. ถ้าจะออกค่อยออกตอนรุ่งเช้าวันที่ 11 มี.ค. นั่งรถเข็นไป และสักช่วงเวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ของวันที่ 10 มี.ค. ได้มีญาติของฝ่ายเจ้าสาวมาที่ รพ.เกือบ 10 คน มาด่าตนและแม่ พูดจาข่มขู่จะยิงทิ้งบ้าง จะแจ้งความมั่ง หาว่าตนจะไม่ไปแต่งงาน ทั้งที่ตนก็โทรบอกเจ้าสาวว่าตนจะไปแต่ง แต่ทำไมญาติมาด่าแบบนี้

จากนั้นประมาณตี 5 ก็ยังโทรมาขู่จะยิงตนอีก ตนโทรหาเจ้าสาวอีกในช่วงรุ่งสางวันแต่ง แต่เจ้าสาวไม่รับสาย ตนเลยตัดสินใจไม่ไป ตนออกจาก รพ.เวลา 6 โมงเช้า มาบ้านไม่ได้หนีไปตามที่มีข่าวออกมา ญาติเจ้าสาวตามไปบ้าน ก็เห็นว่าตนอยู่ มีคนมานั่งอยู่เต็มหน้าบ้าน ขู่ตนถึง 2 รอบ ตนรับไม่ได้หากวันนั้นมาขอโทษก็คงจะไปแต่งงาน แต่เมื่อไม่มา ทำให้ตนไม่มั่นใจว่าถ้าไปแล้วจะปลอดภัยหรือไม่ แม่ของตนก็ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติไว้แล้ว ส่วนเรื่องเงินพรีเวดดิงต่างๆ ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองหมด

ส่วนที่บอกว่าค่าเสียหาย 5 แสนบาท ตนอยากให้กางมาว่าค่าอะไรบ้าง เพราะตนก็ให้เงินฝ่ายเจ้าสาวไป 2 หมื่นบาท ในการเตรียมงานอะไรต่างๆ เพราะเจ้าสาวมีเงินเพียง 4 หมื่นไม่เพียงพอ ส่วนเรื่องของรถกระบะกับรถจยย.ตนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เอามา และเรื่องที่มาขอวันที่ 1 ก.พ. ตนจะมาแต่ขอมาช่วงบ่ายเคยขอผู้หญิงมาแล้วครั้งหนึ่ง ทางฝ่ายแม่ตนให้เอากฤษ์ช่วงบ่าย แต่ฝ่ายเจ้าสาวไม่ยอมจะเอากฤษ์ช่วงเช้าเลยไม่ได้มาในวันนั้น และมาขอในวันที่ 8 ก.พ.

และเรื่องที่มีผู้หญิงอีกคนออกมาบอกว่า เคยคบกับตนและถูกเทงานแต่งเหมือนกัน ตนขอเล่าให้ฟัง ตนยอมรับว่าตนเคยคบจริง ให้แม่ไปขอจะจัดงานแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ตนไปจับได้ว่าเขาไปแอบคุยกับเพื่อนตน ตนถามเพื่อนๆ ว่าไม่รู้ว่าเป็นแฟนตน ตนก็เลยเลิก และเมื่อเลิกไปแล้วผู้หญิงยังหนีมาอยู่กับตนเป็นปีๆ ตนให้กลับก็ไม่กลับก่อนจะเลิกรากันไป ตอนนี้ตนโดนสังคมประณามและโจมตี ตนเครียดมากเหมือนกัน

ด้าน น.ส.ชฎารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี เจ้าสาว ก็ออกมาเปิดเผยเช่นกันหลังฝ่ายเจ้าบ่าวออกมาโต้ โดยบอกว่า ที่ญาติไปหาที่โรงพยาบาลนั้น ไม่ได้มีการขู่ยิง แค่ไปถามว่าทำไมต้องมาทำกันแบบนี้ แต่เป็นการพูดคุยกันแบบนิสัยคนใต้คือเสียงดังเวลาพูดจาไม่เข้าใจกัน ทำให้ฝ่ายชายเข้าใจว่าข่มขู่ ใครจะพูดอะไรก็พูดได้ ให้ตัวเองดูดี แต่เรื่องเงิน 5 แสนนั้น เป็นค่าใช้จ่ายจริง แม่จะไม่ได้เป็นเงินก้อน แต่ค่าเครื่องใช้ในงาน อย่างหมู กับข้าว เต็นส์โต๊ะเก้าอี้  ที่นำมาจัดเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานนั้นต้องไปเซ็นต์เขามาใช้ในงานก่อน แทบทั้งสิ้น 

ก่อนหน้านี้ตนเองเชื่อใจฝ่ายจ้าวบ่าวมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้ฉุดคิดหลายเรื่อง ตั้งแต่เอารถยนต์ตนเองไปจำนำแล้วบอกว่า พ่อเอาไปใช้แล้วเกิดอุบัติเหตุ รอเครมจากประกันแต่สุดท้ายรถยนต์หายไป ก่อนที่จะเอารถจักรยานยนต์ ไปใช้อีกคัน แล้วเอารถจักรยานยนต์ไปจำนำอีกครั้ง  ทั้งที่ตนเองสืบรู้มาว่าพ่อของจ้าวบ่าวนั้นได้บวชเป็นพระภิกษุมานานแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง