อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยันเรื่องผู้คุมทำร้ายร่างกาย "อดีตผู้กำกับโจ้" มีหลักฐานตรวจสอบได้ แต่ไม่ขอพูดเพราะเหมือนเป็นการใส่ร้ายคนตาย และเดี๋ยวความจริงจะปรากฎเอง
วันนี้ ( 13 มี.ค.68 ) นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี "อดีตผู้กำกับโจ้" ยืนยันว่า "อดีตผู้กำกับโจ้" มีความประสงค์ขอย้ายจากแดน 7 ไปแดน 5 เอง มีการลงนามในหนังสือขอย้ายแดนชัดเจน และเมื่อไปอยู่แดน 5 ด้วยความวิตกกังวลของ "อดีตผู้กำกับโจ้" ประกอบกับเตรียมเข้าสอบสวนทางวินัยในเรือนจำ "อดีตผู้กำกับโจ้" จึงขออยู่ห้องแยกการควบคุม ซึ่งปกติรองรับผู้ต้องขังได้ห้องละ 4-5 คน แต่ "อดีตผู้กำกับโจ้" ขออยู่คนเดียว
ขณะที่ก่อนเกิดเหตุ วันดังกล่าว "อดีตผู้กำกับโจ้" ก็ได้เยี่ยมญาติ พูดคุยกับแฟนสาวนาน 3 ชั่วโมง ซึ่งถือว่านานพอสมควร โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกด้วยว่า ปกติแล้วเรือนจำจะจัดสรรเวลาให้พูดคุยกับญาติคนละประมาณ 10 นาที แต่ถ้ามีเหตุหรือประเด็นที่ต้องพูดคุยกัน เรือนจำก็ยืดหยุ่นให้ได้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการปฏิบัติกับ "อดีตผู้กำกับโจ้" แตกต่างจากผู้ต้องขังคนอื่น ๆ และห้องแยกการควบคุมก็ไม่ใช่ห้องขัง VIP แต่อย่างใด
ส่วน "อดีตผู้กำกับโจ้" จะมีการโวยวาย หลังการเยี่ยมญาติหรือไม่นั้น คณะกรรมการตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์กำลังตรวจสอบในทุกประเด็น รวมถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งก็มีการพูดถึงว่ามีสถานการณ์บางอย่าง ลักษณะเหมือน "แฟน" ของอดีตผู้กำกับโจ้ร้องไห้ระหว่างการเยี่ยมญาติ แต่อย่างไรก็ตามจริงเท็จเป็นอย่างไร ยังต้องรอการตรวจสอบกล้องและบันทึกเสียงระหว่างการพูดคุยอีกครั้ง ซึ่งเรือนจำมีบันทึกไว้อยู่แล้ว แต่ในส่วนของบันทึกเสียงไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ เนื่องจากเป็นความลับผู้ต้องขัง
ขณะที่ประเด็น "อดีตผู้กำกับโจ้" ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกายในเรือนจำ หรือ ตัว "อดีตผู้กำกับโจ้" มีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องหรือไม่นั้น ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะหากพูดไปเหมือนเป็นการกล่าวร้ายคนตาย ยืนยันว่าทุกอย่างมีข้อมูล และไม่มีการทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามในเรือนจำกลางคลองเปรม มีแต่นักต้องขังคดีที่มีอัตราโทษสูงมาก และในแดน 7 ก็ขังนักโทษที่มีอัตราโทษจำคุก 50 ปีขึ้นไป ดังนั้นเรื่องกติกา ระเบียบต่าง ๆ ต้องเข้มงวดมาก ผู้ต้องขังไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ และใน 1 แดนก็มีผู้ต้องขังหลายร้อยคน มีผู้คุมไม่กี่คน หากไม่เข้มงวด แล้วผู้ต้องขัง 1 คนฝ่าฝืนระเบียบแล้วปล่อย ผู้ต้องขังคนอื่นก็จะเอาเป็นแบบอย่างแล้วจะควบคุมไม่อยู่ ดังนั้นเรื่องทำร้ายร่างกาย ตรวจสอบได้ ส่วนที่แพทย์ลงความเห็นว่ามีรอยถูกของแข็งกระแทกที่ร่าง "อดีตผู้กำกับโจ้" นั้น ก็บอกได้เพียงว่าช่วงที่ย้ายแดน ก็มีแพทย์ตรวจร่างกายแล้ว และเมื่อย้ายแดนไปแล้ว ผู้คุมคู่กรณีก็ไม่ได้อยู่แดนดังกล่าวแล้ว ตนเองบอกได้แค่นี้ และเดี๋ยวความจริงจะปรากฎเอง
ส่วนกรณีการย้ายนายเผด็จ หริ่งรอด รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม กลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกว่า กรมราชทัณฑ์พร้อมจะเปิดเผยแบบ 360 องศา ดังนั้นการสั่งช่วยราชการครั้งนี้ ก็เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ต้องทำให้เห็นว่าเราทำงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเพื่อสังคมจะได้เชื่อมั่นว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้ปกปิด หรือสร้างหลักฐานเท็จใด ๆ ทั้งสิ้น