นายกฯ สั่ง “ดีเอสไอ” ช่วยดูเหตุคานถล่มบนถนนพระราม 2 เผื่อจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ กำชับเจ้าหน้าที่ “อย่าปล่อยไหล” ต้องจริงจังแก้ปัญหาเด็ดขาด
วันนี้ (17 มี.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบที่เกื่ยวข้อง เรื่องมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนน และเส้นทางคมนาคม ที่ทำเนียบ โดยเฉพาะเหตุคานถล่มบนถนนพระราม 2 เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า แม้สัญญาการก่อสร้างครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้มีสาระสำคัญมากกว่านี้ โดยเฉพาะการเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญา รวมถึงการพิจารณายึดใบอนุญาตของที่ปรึกษาโครงการฯ ย้ำทุกด้านต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับการสูญเสียชีวิตคนไม่ควรจะเกิดขึ้น พร้อมสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยดำเนินการ เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต
“ต้องฝากทางดีเอสไอ สอบสวนต่อในเรื่องนี้ ให้คำแนะนำได้เลย เผื่อว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ก็บอกได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องขอให้ชัดเจนขึ้น เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดขึ้นในอนาคตอีก "ไม่อยากให้ปล่อยไหลไป" เกิดการรับผิดชอบเป็นครั้ง ๆ อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องตรงนี้ จริงจังในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ย้ำมาตรการสมุดพก ที่จดบันทึกแต่ละครั้งแต่ละครั้งว่า มีอุบัติเหตุกี่ครั้ง หากมีกรณีเสียชีวิตจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งได้ประสานกับกรมบัญชีกลางว่า จะสามารถขึ้นแบล็คลิสต์หากพบมีผู้เสียชีวิต ห้ามบริษัทดังกล่าว มาประมูลงานใหม่ 1-2 ปี หากบริษัทผู้รับเหมา ทำไม่ได้ และยังเกิดอุบัติเหตุอยู่ ก็จะส่งผลถึงอนาคต ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่มีรายได้ เชื่อว่า มาตรการนี้น่าจะได้ผลมากกว่าการพูดคุยแบบปากเปล่า ซึ่งกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง ได้ให้ความร่วมมือในการแก้กฎเกณฑ์เป็นอย่างดี ยืนยัน นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การก่อสร้างนั้นมีความล่าช้า วันนี้จึงมาพูดคุยกันในภาพรวม และ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้จ้างที่ปรึกษามาดูแล โดยบริษัทที่ปรึกษานี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องทางอาญา