เช้านี้ที่หมอชิต - ไม่จบไม่เลิก ! กับบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ นายกฯ แพทองธาร สั่งการเด็ดขาดต้องหมดไป พร้อมร่วมแถลงผลทลายเครือข่ายบุหรี่รายใหญ่ ได้ของกลางกว่า 260,000 รายการ มีมูลค่าถึง 130 ล้านบาท ซึ่งการปราบปรามรอบนี้ก็มีมุมให้ตกใจ เมื่อแหล่งซุกบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ แน่นอนตำรวจก็เตรียมขยายผลให้ถึงต้นตอ พร้อมเตรียมใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าจัดการด้วย
ตำรวจเปิดปฏิบัติการบุกค้นแหล่งซุกบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลังสืบสวนขยายผลจนไปเจอแหล่งค้าส่งบุหรี่ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ติดอันดับท็อปของประเทศ
โดยโกดังแรกในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เป็นจุดไว้เบิกสินค้า นำไปไว้บนชั้นวางเพื่อรอแพ็กบรรจุ ก่อนส่งขายให้ลูกค้าที่สั่งซื้อมาจากทั่วประเทศ ตามข้อมูลทางการสืบสวนพบมีเครือข่ายรับซื้อหัวพ็อต และน้ำยาเติม ไปขายต่อประมาณ 100 ราย ซึ่งตำรวจจะขยายผลต่อ
ส่วนโกดังจุดที่ 2 ไม่ไกลกัน ภายในพบทั้งหัวพ็อตและน้ำยาเติมหลายร้อยรายการ โดยทั้งหมดเป็นสินค้านำเข้า ยังไม่แกะหีบห่อ รวมทั้งยังเจอตู้โชว์สำหรับขายสินค้าหน้าร้านด้วย
แต่ที่แน่ ๆ งานนี้ นายกฯ แพทองธาร เดินทางด่วนหลังประชุม ครม. จบ ดูจุดจับกุมในตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พบบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกว่า 260,000 รายการ มูลค่า 130 ล้านบาท และยังมีรายงานด้วยว่า รังบุหรี่ไฟฟ้าแห่งนี้ มีการนำเข้า-ส่งออก เป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ที่สำคัญบุหรี่ไฟฟ้าที่พบนั้น ล้วนเป็นสินค้าพรีเมียม มูลค่าประเมินต่อชิ้นประมาณ 500 บาท ซึ่งนายกฯ ก็พอใจผลการบุกทลายแห่งซุกสินค้าชนิดนี้พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจริงจัง และจะปราบปรามให้หมดไป
หลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งสืบสวนขยายผล ใครเป็นคนนำสินค้าเข้ามา และจะมีการขยายผลไปถึงความผิดฐานฟอกเงินเพิ่ม ส่วนของกลางที่พบทั้งหมดจาก 10 จุด จะถูกเผาทำลายทุกชิ้นตามจำนวนที่นับไว้หมด
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต โกดังแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง ทางตำรวจก็ยืนยันอาจเป็นเพราะมีหลายโกดังในพื้นที่ การตรวจสอบอาจไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ย้ายสินค้าหนีไปเรื่อย ๆ หากมีตำรวจเข้าตรวจสอบด้วย
สำหรับการค้นจุดที่ นายกฯ ไป เบื้องต้น ยังไม่มีข้อมูลว่า เชื่อมโยงไปในต่างประเทศ ทราบเพียงผลิตในประเทศมาเลเซีย ส่วนการบุกทลายรังบุหรี่ไฟฟ้า มีทั้งหมด 10 จุด แบ่งเป็นบ้านพักอาศัย 5 แห่ง และโกดังเก็บสินค้า 5 แห่ง
เช่นเดียวกับ ตำรวจไซเบอร์ แถลงผลตรวจค้น จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต ร้อยเอ็ด และขอนแก่น โดนจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน ยึดของกลางรวม ๆ กว่า 1,000 รายการ
ที่น่าสนใจ คือ การปรับตัวของคนขาย จากเดิม No สน No แคร์ ฉันจะขายใกล้สถานศึกษาใครจะทำไม ! แต่พอเห็นเจ้าหน้าที่กวดขันมากขึ้น ก็ยกเลิกการขายแบบ Walk in ใครจะซื้อต้องผ่านกลุ่มลับ นัดหมายเวลา และห้ามใส่ชุดนักเรียน ห้ามส่งเสียงดังตอนมาซื้อเด็ดขาด
ก็พลิกแพลงหนีการจับกุมไปเรื่อย ๆ แต่แน่ ๆ วานนี้ ทางกระทรวงการอุดมศึกษาฯ รายงานใน ครม. ย้ำว่า ได้กำชับบุคลากรทางการศึกษาว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากพบแต่เพิกเฉยหรือรู้เห็นเป็นใจ หรือนำบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้ จะถูกดำเนินการทางกฎหมายและทางวินัยด้วย