ห้องข่าวภาคเที่ยง - เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสาเหตุ เพลิงไหม้รถยนต์มือสองจากญี่ปุ่น สถานที่เก็บรถยนต์ของกลาง ด่านศุลกากรแม่สอด ยึดไว้รอการประกาศขายทอดตลาด เสียหายกว่า 200 คัน
หาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ กว่า 200 คัน จ.ตาก
เป็นภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าระงับเหตุเพลิงลุกไหม้รถยนต์หลายสิบคัน ที่จอดอยู่ลานจอดฝั่งทิศตะวันออกโซนด้านหน้า อย่างรุนแรง ระหว่างฉีดน้ำดับเพลิงเกิดเสียงระเบิดจนเห็นสะเก็ดไฟกระเด็น ทำให้ต้องล่าถอยออกมา ก่อนจะเว้นระยะห่างฉีดน้ำดับเพลิง บริเวณลานจอดรถยนต์ของกลางด่านศุลกากร ใกล้กับด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
แต่เพราะมีของเหลวจากน้ำมันในเครื่องยนต์ ระบบสายไฟ และเบาะนั่งภายในรถ ประกอบกับมีกระแสลมลมพัดเข้ามาด้วย เพียงไม่กี่นาที เพลิงได้ลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้น มีแสงเพลิงและควันไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าหลายสิบเมตร สังเกตเห็นได้ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา
เจ้าหน้าที่จึงใช้สารเคมีประเภทโฟม และหัวฉีดน้ำแรงดันสูง ระดมกำลังฉีดน้ำสกัดแบบทุกทิศทาง ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงเอาไว้ได้สำเร็จ พบรถยนต์ถูกเพลิงไหม้เสียหายนับร้อยคัน
เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพบว่า เพลิงไหม้รถยนต์ไปกว่า 200 คัน จากรถยนต์ที่จอดไว้ทั้งหมด 800 คัน ส่วนสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ คาดน่าจะมาจากเกิดไฟไหม้หญ้าแห้ง อยู่นอกแนวรั้วสังกะสีของสถานที่จุดจอดรถยนต์ และมีลมพัดแรง ทำให้มีลูกไฟกระเด็นลอยไปตกใส่จุดที่จอดรถยนต์ จนเกิดเพลิงไหม้รถยนต์ลุกลามอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จะเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งวันพรุ่งนี้
สำหรับรถยนต์ทั้งหมดเป็นรถยนต์มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ส่งไปประเทศเมียนมาในรูปของสินค้าผ่านแดน แต่ทางผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกไปเมียนมาได้ เพราะเหตุการณ์ไม่สงบ สะพานถูกวางระเบิด มีการปิดถนนสู้รบกันบ่อยครั้ง ทำให้รถยนต์ไม่สามารถไปได้ และได้จอดไว้ที่ชายแดนเกินระยะเวลาที่กฎหมายศุลกากรกำหนดไว้ จึงถูกยืดเป็นของกลางมานานหลายปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ประกาศขายทอดตลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ประมูลซื้อเพราะราคาแพง จึงจะปรับราคาลงมาเพื่อรอประกาศขายทอดตลาดอีกครั้งหนึ่ง
คืบหน้า เพลิงไหม้ลานจอดรถกรมศุลกากร จ.ตาก
สอบถามเรื่องนี้กับ พันตำรวจเอก รัง ดาวดึงษ์ ผู้กำกับการ สภ.แม่สอด เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีใครเข้าไปในพื้นที่ และจุดเกิดเหตุก็มีวงจรปิดจับภาพอยู่ตลอดเวลา จึงยืนยันได้ในเบื้องต้นว่ามีรถที่ถูกเพลิงไหม้คันหนึ่ง ก่อนลุกลามไปคันอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว ส่วนรถที่ได้รับความเสียหายเป็นรถที่ถูกยึด หรือจอดเพื่อรอการส่งต่อไปประเทศเมียนมา ต้องให้กรมศุลกากรเป็นผู้ชี้แจง