ชายวัย 59 ปี ข้ามรางรถไฟในจุดที่เป็นที่มืด ถูกรถไฟพุ่งชนขยี้ร่างเละดับคาที่

ชายวัย 59 ปี ข้ามรางรถไฟในจุดที่เป็นที่มืด ถูกรถไฟพุ่งชนขยี้ร่างเละดับคาที่

View icon 834
วันที่ 20 มี.ค. 2568 | 08.40 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (20 มี.ค. 68)พ.ต.ท.พัลลภ อินทรเชษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.ภูธรภาชี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถไฟชนคนเดินเท้า เหตุเกิดห่างจาก สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง ประมาณ 1 กม. จุดเกิดเหตุเป็นที่มืด จึงรุดตรวจสอบ พร้อมประสานกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา นำอุปกรณ์ส่องแสงสว่างให้กำลังสนับสนุน

ที่เกิดเเหตุพบว่าเป็นลักษณะรางรถไฟ ในพื้นที่ ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 4 ราง ในที่มืด พบว่าที่รางที่ 4 พบ ขบวนรถไฟ ขบวน กรุงเทพ - ลพบุรี จอดอยู่ตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นชาย สภาพร่างกายแหลกเหลว ตรวจสอบในร่างกาย พบบัตรประชาชนระบุ ชื่อ นายแสน อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่ตร. จึงถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานก่อนเคลื่อนย้ายร่างออกจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่รถไฟเดินทางไปต่อมุ่งหน้าไป จ.ลพบุรี

จากการสอบถาม นายศิวภาคย์ เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้วันเวร ได้รับแจ้งจากทางวิทยุม้าเหล็กประสานเจ้าหน้าที่ตร. สภ.ภาชี จากทางเจ้าหน้าที่รถไฟ ว่ามีรถไฟเฉี่ยวชนคนเดินเท้า ยังไม่ทราบว่าบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตร. จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยออกตรวจสอบ รับแจ้งว่าเหตุใกล้เคียงวัดภาชี จึงตรวจสอบ เดินเท้ามาประมาณ 500 เมตร เป็นรถไฟขบวนกรุงเทพ - ลพบุรี พบที่หัวจักร รถไฟก็พบร่างผู้เสียชีวิตถูกรถไฟทับอยู่ กลางตัว มีสภาพร่างกายแหลกเหลว ชิ้นส่วนขาดออกจากกัน

เบื้องต้นกำลังประสานญาติ ยังไม่ทราบว่าเป็นคนเดินเท้าหรือทำงานแคมป์ก่อสร้าง เพราะมีแคมป์ก่อสร้างรางรถไฟอยู่ระแวกดังกล่าวพอดี

ต่อมา นายณรงค์ อายุ 54 ปี เพื่อนร่วมงาน พอทราบว่ามีคนโดนรถไฟชน ก็มายังจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างออกไปแล้ว ได้ดูภาพและบัตรประชาชนที่พบ ก็ยืนยันว่า เป็น นายแสน คนที่ทำงานที่เดียวกัน เล่าว่า เมื่อก่อนเกิดเหตุยังเห็นนายแสนอยู่ที่วัด แต่เพราะนายแสนกินเหล้า น่าจะเมา และเอารถกระบะมาจอดฝั่งตรงข้ามจะเดินข้ามมาเอารถหลังเลิกงาน น่าจะพักเขตสระบุรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อ โดยจะขับรถไปกลับหลังเลิกงานเป็นประจำ ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณลานจอดรถใกล้เคียงจุดเกิดเหตุพบรถกระบะ มีคอกหลังจอดอยู่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตร. ให้ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี พร้อมกับประสานญาติให้ทราบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมรับร่างผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง