ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน มีประวัติชอบกินซูชิเป็นประจำ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้อง ผนังกระเพาะอาหารหนาตัวขึ้นถึง 2 ซม. หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง พยาธิตัวกลมหากเข้าสู่ลำไส้ ตับอ่อน จนเกิดการอุดตันอาจต้องผ่าตัด
วันนี้ (20 มี.ค.68) เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม ยกเคสอุทาหรณ์ของสายกินดิบ ชอบกินซูชิเป็นประจำ เป็นหญิงอายุ 39 ปี ให้ประวัติว่าเคยมีสุขภาพแข็งแรง เข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉิน เนื่องจากมีอาการปวดแสบยอดอกและคลื่นไส้ มาเป็นเวลา 2 วัน แต่อาการแย่ลงเรื่อย ๆ และมีอาการท้องเสียตลอดช่วงที่ป่วย ผู้ป่วยระบุว่าปวดแบบแสบร้อน โดยไม่มีการกระจายของอาการ และมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร
ในการตรวจร่างกาย สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบความผิดปกติ การตรวจร่างกายทางช่องท้องพบความกดเจ็บทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณลิ้นปี่ และมีอาการ abdominal rebound ทุก quadrant แต่ไม่มีอาการแข็งเกร็งของช่องท้อง
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ช่องท้องพบผนังกระเพาะอาหารหนาตัวขึ้นอย่างชัดเจนถึง 2 เซนติเมตร มีบางส่วนของลำไส้เล็กที่หนาตัว และพบของเหลวปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลางในช่องท้อง แพทย์ให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยมีการวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้น ได้แก่ โรคกระเพาะอักเสบจากการติดเชื้อที่ไม่ปกติ โรคกระเพาะอักเสบชนิดหนาตัว และมะเร็งทางเดินอาหาร
การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น พบเยื่อบุกระเพาะอาหารมีรอยแดง เยื่อบุลำไส้เล็กส่วนต้นอักเสบ และพบพยาธิจำนวนหลายตัวภายในกระเพาะอาหาร (รูปที่ 1) แพทย์ได้นำพยาธิออก 2 ตัว และภายหลังได้รับการระบุชนิดว่าเป็น Anisakis spp. ผู้ป่วยได้รับการรักษาและกลับบ้านหลังรับการรักษา 2 วัน โดยมีอาการดีขึ้นและสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ
เคสนี้ จากการสอบถามประวัติเพิ่มเติม พบว่าผู้ป่วยรับประทานซูชิเป็นประจำ ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งที่มาของการติดเชื้อ Anisakis มนุษย์ไม่ใช่โฮสต์ตามธรรมชาติของพยาธินี้ และโดยปกติแล้วพยาธิจะผ่านทางเดินอาหารออกไปภายในไม่กี่วัน โดยทั่วไป การนำพยาธิออกโดยตรง (physical removal) ถือเป็นการรักษาที่เพียงพอ เช่นเดียวกับในกรณีของผู้ป่วยรายนี้
อย่างไรก็ตาม หากพยาธิเข้าสู่ลำไส้ ตับอ่อน หรือก่อให้เกิดฝี จนทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
โรค Anisakiasis เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิตัวกลมกลุ่ม Ascaridoid ที่สามารถเข้าสู่ทางเดินอาหารของมนุษย์ได้ โดยปกติโรคนี้ติดต่อผ่านการบริโภคตัวอ่อนของพยาธิที่พบในปลาดิบ
ปัจจุบันนี้ จากการทบทวนฐานข้อมูลพบว่า ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานผู้ป่วยประมาณ 7,000 ถึง 20,000 รายต่อปี เชื่อว่าอัตราการเกิดโรคที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ เนื่องจากโรคอาจมีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง ทำให้หลายคนไม่ได้เข้ารับการรักษาทางการแพทย์