ระเบียบเยียวยาตาม พ.ร.บ.ทรมานฯ มีผลบังคับใช้แล้ว กำหนดเกณฑ์ช่วยเหลือ ถูกทรมาน-อุ้มหาย เยียวยา 5 แสนบาท ถูกกระทำโหดร้าย ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เยียวยาสูงสุด 2.5 แสนบาท
วันนี้ (22 มี.ค. 68) นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่าด้วยการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้เสียหาย พ.ศ. 2568 มีผลใช้บังคับแล้ว
ระเบียบฯ นี้ได้นำหลักการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายตามมาตรฐานสากลมากำหนดไว้ เน้นการเยียวยาเชิงสิทธิมนุษยชน กระบวนการที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอผลทางคดี อีกทั้งไม่ทับซ้อนกับการเยียวยาความเสียหายทางแพ่ง เป็นการผลิกโฉมการเยียวยาแก่ผู้เสียหายของประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น การเยียวยาตามระเบียบฯ นี้ นอกจากจะได้กำหนดการเยียวยาในรูปแบบที่เป็นตัวเงินแล้ว ยังได้กำหนดให้มีรูปแบบการช่วยเหลือเยียวยาในรูปแบบอื่นด้วย เช่น การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ทางสังคม รวมถึงการแสดงความขอโทษ
สำหรับบุคคลที่มีสิทธิได้รับการเยียวยาและอัตราเงินช่วยเหลือเยียวยา แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1.ผู้เสียหายจากการถูกกระทำทรมาน ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 500,000 บาท
2. ผู้เสียหายจากการถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 100,000 – 250,000 บาท
3. ผู้เสียหายจากการถูกกระทำให้สูญหาย ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 500,000 บาท
4. สามี ภริยา (คู่สมรส) ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยา
ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะของผู้ถูกกระทำให้สูญหาย ได้รับเงินจำนวน 100,000
ทั้งนี้ การพิจารณาตามระเบียบฯ อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งมีอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ เป็นประธานอนุกรรมการ ร่วมกับผู้แทนจาก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด ศอ.บต. กรมบัญชีกลาง สภาทนายความ กองทุนยุติธรรม สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายจำเลยในคดีอาญา ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนษุยชน
แพทย์นิติเวช แพทย์จิตเวช รวมทั้ง แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช และตัวแทนผู้เสียหาย เป็นอนุกรรมการ
ในวันที่ 26 มี.ค.68 นี้ จะได้มีการประชุมเตรียมความพร้อม kick off ระเบียบเยียวยาฯ เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายต่อไป