จากกรณีสื่อโซเชียลมีเดียนำภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านหลังหนึ่ง บ้านดงบัง ต.ดอนมดแดง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี ระบุว่า ลูกชายคลั่งเผาบ้านเสียหายทั้งหลัง เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 3 ของวันที่ 22 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (23 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ มี นางคำแปลง อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของบ้าน กำลังนั่งคุยกับเพื่อนบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 21 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา นายสุขสันต์ อายุ 34 ปี ลูกชายมีอาการคลั่งยา อาละวาดทำลายข้าวของภายในบ้าน และจะทำร้ายตน จากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุควบคุมตัวลูกชายไปสงบสติอารมณ์ แต่ตำรวจบอกว่าเหตุยังไม่เกิด ไม่สามารถทำอะไรได้
กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ลูกชาย ได้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับจุดไฟจากขวดน้ำมันเบนซิน แล้วขว้างใส่ตนขณะที่นอนอยู่บนที่นอนชั้นล่าง ตนสะดุ้งตื่นใช้มือปัดได้ทัน แต่ไฟตกลงบนที่นอนทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ตนพยายามวิ่งหนี ลูกชายก็ขวางไม้ใส่พยายามทำร้ายร่างกายลากเข้ากองเพลิง โชคดีตนวิ่งหนีออกมาได้ จากนั้นลูกชายได้วิ่งขึ้นไปจุดไฟที่ชั้น 2 จนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้บ้านถูกเพลิงไหม้ทั้งหลัง
นางคำแปลง บอกอีกว่า หลังจากที่ลูกชายจุดไฟแล้วก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ยืนคุมเชิงไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปดับ จนตำรวจมาจับกุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.ดอนมดแดง โดยเดิมทีลูกชายมีครอบครัว และไปทำงานที่ต่างประเทศ หลังจากที่เลิกกับภรรยาก็เริ่มมีการใช้ยาเสพติด จนเข้ารับการบำบัดจากโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ มาแล้ว อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาลูกชายบอกเพื่อนบ้านว่าเป็นบ้า เพราะต้องกินยาบำบัดยาเสพติดของโรงพยาบาล ลูกชายจึงไม่ยอมกินยาและหันกลับไปเสพยาอีก ล่าสุดก่อนเกิดลูกชายได้ขโมยเงินที่ตนเก็บไว้ 1 หมื่นบาทไป คาดว่าไปซื้อยามาเสพจนหลอน แล้วก่อเหตุดังกล่าว
นางคำแปลง บอกด้วยว่า อยากฝากถึงตำรวจ หากมีคนแจ้งเหตุขอให้เข้ามาระงับเหตุ มาเอาตัวไปควบคุมก่อน อย่าให้ต้องรอให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยมาดำเนินการแบบตน เพราะตอนนี้บ้านก็ไม่มีอยู่ โชคดีที่หนีออกมาได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องตายเพราะฝีมือลูก หากเป็นไปได้ตนเองอยากให้ฉีดยาให้ลูกพิการไปเลย จะได้ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก มันเป็นสายเลือดตนยอมตัดใจให้พิการไปเลย
เบื้องต้น ตำรวจ สภ.ดอนมดแดง ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุขสันต์ ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ โดยนำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 22 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา ส่วนความช่วยเหลือมีเพียงท้องถิ่นที่เข้ามาสำรวจความเสียหาย เพื่อยื่นให้ขอการชดเชยตามกฎหมาย ซึ่งความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท