สธ. ลงพื้นที่ตรวจเนอร์สซิงโฮม เหตุทำร้ายผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ล่าสุดคนดูแลลาออกแล้ว พร้อมเจรจาเยียวยาความเสียหาย สบส.ย้ำเตือนผู้ป่วยความจำถดถอย หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว อาจเกิดเหตุกระทบกระทั่ง
ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ถูกทำร้าย วันนี้ (24 มี.ค.68) ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ลงพื้นที่ตรวจสอบเนอร์สซิงโฮม ตามที่ได้รับร้องเรียนจากญาติ กรณีผู้ดูแลทำร้ายผู้ป่วยอัลไซเมอร์
ทพ.อาคม เผยว่า จากการตรวจสอบสถานดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาวะพึ่งพิงที่กูกกล่าวอ้าง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบึงกุ่ม เบื้องต้นพบว่าสถานดูแลผู้สูงอายุฯ ดังกล่าว ขออนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2564 มีจำนวนเตียงให้บริการ 43 เตียง ระหว่างตรวจสอบมีผู้สูงอายุเข้ารับบริการ 32 คน
จากการตรวจสอบมาตรฐานสถานประกอบการฯ ทั้งด้านอาคารสถานที่ การให้บริการ ความปลอดภัย ถูกต้องตามมาตรฐานที่พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กำหนด และในส่วนของผู้ให้บริการหญิงที่ถูกกล่าวอ้างว่าทำร้ายผู้ป่วยนั้น เป็นผู้ให้บริการของศูนย์จริงแต่ได้ลาออกไปแล้ว ผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการ ทั้ง 2 ราย ก็ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ และพร้อมที่จะเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งกรม สบส.จะมีการนัดหมายทั้ง 2 ฝ่าย เข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ยเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีกันอีกครั้ง
ทต.อาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า เนอร์สซิงโฮมหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ เป็นสถานที่ดูแล พักฟื้น และให้การดูแลในกิจวัตรประจำวันแก่ผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ ผู้ป่วยที่พักฟื้นระยะสั้น หรือผู้ป่วยที่พักฟื้นระยะยาว ซึ่งจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังด้วยผู้รับบริการ เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ซึ่งมีอาการความจำถดถอย และในบางรายอาจจะมีพฤติกรรมและอารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หรือมีความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งผู้ดูและจะต้องรับแรงกดดันหรือผลกระทบที่มาจากภาวะอารมณ์ของผู้ป่วย จึงอาจเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ป่วยและผู้ดูแลได้
ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการฯ ทุกแห่ง หมั่นกำชับ พูดคุยทำความเข้าใจ และรับฟังปัญหาจากผู้ให้บริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาแนวทางดำนินการหรือแก้ไขร่วมกัน ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความไว้วางใจจากทั้งตัวผู้ป่วยและญาติ หากกรม สบส.พบว่าสถานประกอบการเพื่อสุขภาพแห่งใด มีการปล่อยปละละเลยใหผู้รับบริการเกิดอันตราย หรือมีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ก็จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับผู้ประกอบกิจการ และผ้ดำเนินการฯ ซึ่งจะมีทั้งโทษปรับ และมีคำสั่งให้ผู้รับอนุญาตดำเนินการแก้ไขมาตรฐานให้ถูกต้องภายใน ระยะเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนก็จะมีการสั่งพักใช้ใบอนุญาตจนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป