“นายกฯ” ลั่น “ตระกูลชินวัตร” ถูกตรวจสอบทรัพย์สินเข้มข้น ตั้งแต่โดนรัฐประหารปี 2549 ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา มั่นใจโปร่งใส พร้อมให้ “ป.ป.ช.” ตรวจสอบทุกอย่าง
วันนี้ (24มี.ค.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี วันแรก
โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาหนีภาษี ด้วยการทำนิติกรรมอำพราง จำนวน 9 รายการ มูลค่าหนี้สินรวม 4,434 ล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยง ‘ภาษีการรับให้’ ในการโอนหุ้นภายในครอบครัว มาตั้งแต่ปี 2559 จำนวน 218 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน แทนการทำสัญญาเงินกู้ เพราะขณะนั้นยังไม่สะดวกจ่ายเป็นเงินสด แต่มีแผนการจ่ายคืนแล้ว ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างทำถูกต้อง และ เป็นการเปิดเผย รวมทั้งได้ชี้แจงรายละเอียดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ โดยยินดีและเต็มใจ ที่จะแสดงหลักฐานหาก ป.ป.ช.ร้องขอ ก่อนย้ำว่า ไม่เคยหนีภาษีตามที่มีการกล่าวอ้าง ในทางกลับกันแม้จะอายุน้อยกว่าผู้อภิปราย แต่เชื่อมั่นว่าจ่ายภาษีมากกว่าแน่นอน
“ทรัพย์สินหนี้สิน กิจการของดิฉันเองและครอบครัว มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น มาตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เข้มข้นมาตลอด ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้นเลย ทุกบัญชี ทุกธุรกรรม อยู่ในสายตา อยู่ในที่เปิดเผย โปร่งใสมานานมากแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนประเด็นข้อกล่าวหา ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ กรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ทรัพย์สินของครอบครัวชินวัตร ถูกตรวจสอบเข้มข้นมาตั้งแต่ถูกรัฐประหาร พ.ศ. 2549 และ ย้ำว่าครอบครัวจะไม่ซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด ซึ่งออกโดยถูกต้องตามกฎหมาย และ ขณะนั้นตนเองมีอายุเพียง 11 ปี ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท พร้อมตั้งคำถามกลับว่า ต้องถึงกับย้อนไปตรวจสอบในช่วงขณะนั้นหรืออย่างไร ก่อนมอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงเพิ่มเติม
“ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวา ที่ดิฉันและครอบครัวมี ออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ฝากถึงฝ่ายค้านอย่าใช้จินตนาการ กรณีประเด็นการทุจริตมากเกินไป พร้อมขอให้เปิดใจกว้าง อะไรที่รัฐบาลทำแล้วดีขอให้ชื่นชมบ้าง การพูดเพื่อให้คนเกิดความเกลียดชังหรือแตกแยก ผู้ที่มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ