ห้องข่าวภาคเที่ยง - คิดว่ามีแต่ในละคร ที่ไหนได้ เรื่องจริงก็มี ลูกชายจัดงานศพแม่ตายทิพย์ เปิดโลงถึงกับช็อก ไม่เจอศพแม่ แต่เจอต้นกล้วยแทน อ้างทำงานส่งครูเรื่องประเพณีอีสาน ตอนนี้ลูกชายหนีไปบวชพักใจเเล้ว
เรื่องนี้ความแตก! เพราะลูกชายอายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 โพสต์ภาพโลงศพตั้งบนบ้าน จัดเหมือนงานศพจริง ๆ ของอีสาน มีผ้าขาวม้า 3 ผืน พาดไว้ สายสิญจน์โยงกับโลง มีไฟประดับ และจุดธูปเทียน แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีเต็นท์ ไม่มีเลี้ยงอาหารเเขก ไม่มีพระสวด มีแต่เพื่อน ๆ มาร่วมงาน และไม่มีใครในหมู่บ้านรู้
มิหนำซ้ำลูกชายยังจัดฉาก ลำดับเหตุการณ์เสมือนจริง จนครูสงสาร เพราะลูกศิษย์สูญเสียคนที่รัก จึงมาร่วมงาน และรวบรวมเงินทำบุญจากครูในโรงเรียนคนละ 200 บาท 8 คน เป็นเงิน 1,500 บาท และเพื่อน ๆ อีก 600 บาท แล้วยังโพสต์ภาพขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานและมานอนเป็นเพื่อน
ที่สุดของที่สุด คือ ลูกชายพิมพ์แช็ตคุยกับเพื่อนว่า "อยากจัดแบบเงียบ ไม่ต้องการอะไร แค่จัดงานตามประเพณี ตอนที่ครูมาร่วมงาน ยังเกรงใจเลย..."
และตามด้วยภาพร่ำลาแม่ บอกว่า "ขอบคุณที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เสียใจที่สุดคือ คนที่เรารัก ไม่รอดูความสำเร็จของเรา"
ส่วนที่ไม่มีพระสวด ไม่มีแขกมาร่วมงาน เพราะลูกชายโพสต์ในโซเชียลว่า "แม่สั่งไว้ว่าไม่ต้องมีพระสวด ไม่ต้องมีเลี้ยงคน ให้เก็บเงินที่จัดงานไปใช้เรียนมหาวิทยาลัย"
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวที่ลูกชายจัดฉากขึ้นมา และความแตกเมื่อครูโทรมาถามผู้ใหญ่บ้านว่า ในหมู่บ้านมีงานศพของลูกศิษย์คนนี้ไหม แม่เสียชีวิตที่กรุงเทพฯ เคลื่อนศพมาจัดที่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านก็งง เพราะไม่มีใครแจ้งว่ามีลูกบ้านเสียชีวิต จึงพากันไปพิสูจน์ พอไปถึง ลูกชายใส่ชุดดำอยู่หน้าโลงศพกับตาและยาย จึงถามว่า ใครเสียชีวิต
ลูกชายตอบว่า ไม่มี แต่อ้างว่า จัดงานศพเพื่อแก้ มส. เรื่องประเพณีอีสาน จึงทำเพื่อส่งครู
ผู้ใหญ่บ้านจึงโทรไปสอบถามกับครู ครูก็บอกว่าไม่ได้สั่ง สุดท้ายขออนุญาตเปิดดู พิสูจน์ให้เห็นจะ ๆ ปรากฏว่า ศพเป็นต้นกล้วย ตัดเป็นท่อน ๆ ห่มด้วยผ้าขาว
หลังทุกคนรู้ความจริง เจ้าตัวหนีไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอกู่เเก้ว จังหวัดอุดรธานี ตอนที่ไปถึง เณรตกใจ ไม่คิดว่านักข่าวจะตามเจอ แต่ยอมเปิดใจว่า จัดงานศพ ต้องการแก้เคล็ดให้แม่ เพราะยายบอกว่า ถ้าไม่จัดงานศพแก้เคล็ด แม่จะจากไปจริง ๆ
โดยไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ใครได้รับรู้ แต่ยอมรับอาจจะพลาด เอารูปไปโพสต์ลง Instagram และจะคืนเงินที่ได้รับจากครูและเพื่อน ๆ ทั้งหมด พร้อมกับขอโทษผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งชาวบ้าน ครู และเพื่อน ๆ ทุกคน
สรุปแล้ว เป็นเรื่องโอละพ่อ แต่ชาวบ้านก็ให้อภัย ไม่ว่าอะไร ส่วนเงินที่ได้รับซองทำบุญ ยายจะนำไปคืนวันนี้ และจะนำเงินไปจ่ายค่าโลงศพด้วย