ข่าวเย็นประเด็นร้อน - รวบแล้ว พันเอกหญิง และ แพทย์หญิง ตัวการสำคัญ คดีทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก แฉเส้นทางการเงิน เสียหายกว่า 80 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบร้านขายยา กระทำผิดถึง 6 ร้าน
ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อม เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมจับกุมบุคคล ตามเป้าหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 17 จุด มีทั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี ปราจีนบุรี และชลบุรี โดยมีหมายจับผู้ร่วมอยู่ในขบวนการทั้งหมด 8 หมายจับ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือ ที่พักของ พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ หรือ จิ้งหรีด ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย เพราะถือเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยมีทำหน้าที่จัดหาแม่ทีม และเครือข่ายจาก จังหวัดลพบุรี เพื่ออ้างเป็นผู้ป่วย จากนั้นก็ให้เข้ามารับยา จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก
และบุคคลที่อ้างเป็นผู้ป่วย ก็นำยาทั้งหมดที่ได้ ไปให้กับแม่ทีมเครือข่าย เพื่อแลกกับค่าจ้าง 10% ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัว อีกรายละ 1,500 บาท และแม่ทีมก็จะนำยาทั้งหมดมา ส่งมอบให้กับ พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ หัวหน้าขบวนการ ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 4
ทั้งหมดนี้ถือเป็นหลักฐาน ทำให้ตำรวจเข้าจับกุม พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ พร้อมตรวจค้นคอนโดมิเนียมอย่างละเอียด เพราะเป็นจุดพักยาที่ได้มาจากการทุจริตเครือข่ายนี้
เมื่อได้ยามาแล้ว พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ จะนำยามาเก็บไว้ในร้านซักร้านที่ชั้นลานจอดรถ ระหว่างคุมตัวไปตรวจค้น เธอมีท่าทางอิดโรย วูบจะเป็นลม ตำรวจต้องประคองไปนั่งในร้าน ก่อนตรวจค้น สามารถยึดถุงกระสอบขนาดใหญ่ ลักษณะเดียวกับที่ใส่ยาที่ได้จาก โรงพยาบาลทหารผ่านศึกมาพักไว้
ขณะเดียวกัน แนวทางการสืบสวนพบว่า เมื่อนำยามาพักไว้ ร้านซักรีดย่านพระราม 4 ก็จะมีการ ส่งยาไปที่จังหวัดปราจีนบุรี ให้กับบุคคลที่ประกอบธุรกิจขายยา เพื่อให้ทำหน้าที่ในการกระจายยา นำเข้ามาในระบบยาที่เป็นยี่ปั๊วเถื่อน ซึ่งไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และนำเข้าสู่ร้านขายยา
ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ พบในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากการทุจริตดังกล่าว พบเงินหมุนเวียน ในขบวนการนี้ตั้งแต่ปี 2561 มีประมาณ 80 ล้านบาท รวมทั้งหมด 7 ปี
หลังจากตรวจค้นคอนโดประมาณ 20 นาที ตำรวจก็ควบคุมตัว พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ ขึ้นรถไปสอบปากคำต่อที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเธอได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า มีการรู้เห็นเกี่ยวกับขบวนการนี้หรือไม่ แต่ พ.อ.หญิงกัญญารัตน์ ปฏิเสธไม่ตอบคำถามใด ๆ อย่างไรก็ตาม ทราบว่า พ.อ.หญิงกัญญารัตน์ ป่วยเป็นโรควัณโรค และมีอาการไอเป็นเลือด สภาพร่างกายจึงไม่พร้อมมากนัก
เบื้องต้นถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร อันเป็นเท็จ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ คือ บ้านพักของแพทย์หญิงบรินดา ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว 71 บุคคลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวการ สำคัญเพราะเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ทำหน้าที่สั่งจ่ายยา โดยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ให้กับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้
สำหรับแพทย์หญิงบรินดา ถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ม.157, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร อันเป็นเท็จ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าจับกุมแม่ข่าย และผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการ รวมถึงเข้าตรวจค้นร้านขายยา ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 11 จุด และชลบุรี ด้วย
ภายหลังเข้าตรวจค้นตามจุดต่าง ๆ ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ก็ได้แถลงผลปฏิบัติการ "สยบนาคี" ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน ระบุว่า จากการตรวจสอบขบวนการดังกล่าว สามารถระบุตัว ผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 12 คน ออกหมายจับแล้ว 8 คน ส่วนอีก 4 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยทั้ง 12 คนนี้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 4 คน จังหวัดปราจีนบุรี 2 คน และ ที่จังหวัดลพบุรี 6 คน
ส่วนของกลางซึ่งเป็นวัตถุพยานที่ตรวจยึดมาได้วันนี้ เป็นเงินสดจำนวน 10.9 ล้านบาท สมุดบัญชี 18 เล่ม โฉนดที่ดิน 16 ฉบับ รวมถึงตัวยา กล่อง ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
ส่วนร้านขายยาที่เข้าตรวจค้นจาก 11 ร้าน มี 5 ร้านที่ไม่ได้กระทำความผิด เนื่องจากมีเภสัชกร แสดงตัวชัดเจน รวมถึงมีการจัดทำบัญชีสามารถตรวจสอบได้
ส่วนอีก 6 ร้านที่เหลือ พบว่ามีการขายยาในช่วงที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงพบว่ามีการขายยา กลุ่มยาที่มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ในส่วนนี้ถือเป็นกฏหมายที่ควบคุมพิเศษ ซึ่งผิดตามประมวลกฏหมายอาญายาเสพติด ก็จะมีโทษหนักเพิ่ม เติมขึ้นไปอีก โดยยาส่วนใหญ่เป็นประเภท ยานอนหลับ ที่นำมาจำหน่าย อีกทั้ง 1 ใน 6 ร้านนี้ มีสถานที่หนึ่ง เป็นเพียงตึกแถวปิดไว้ ไม่มีใบอนุญาตขายยา จะถูกดำเนินคดีฐาน ขายยาไม่ได้อนุญาต