เจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลอบตัดไม้พะยูงหวงห้าม พร้อมยึดของกลางมูลค่ากว่า 3 แสนบาท
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์, ชุดปฏิบัติการข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ กอ.รมน.ภาค 2 สย.2 กองกำลังสุรนารี, เจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ตอ./น.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 3, เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามที่ 2 สบอ.9 และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ได้ร่วมกันจับกุมนายอุดมเดช อายุ 65 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นตามหมายค้นศาลจังหวัดสุรินทร์ บริเวณกระท่อมไม่มีเลขที่ ด้านทิศใต้หมู่บ้านชำปะโต หมู่ที่ 3 ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 15.00 น. โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม เป็นผู้นำหมายค้น จากการตรวจค้นพบไม้พะยูงของกลาง เป็นไม้พะยูงแก่นล่อน จำนวน 87 ท่อน และไม้พะยูงแปรรูปถากกลม จำนวน 43 ท่อน รวมเป็นไม้พะยูงของกลางทั้งสิ้น 130 ท่อน มูลค่าความเสียหายรวม 369,034 บาท
นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์ของกลางในการกระทำความผิด ได้แก่ เลื่อยตัด 1 ปื้น, พานท้ายปืนพร้อมชุดลั่นไก 1 ชุด, พานท้ายปืน 1 อัน, ลำกล้องปืนยาว 42 นิ้ว 1 อัน, สปริงพร้อมชุดนกสับ 1 ชุด, ดินประสิวบรรจุในขวดพลาสติกใส (ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน) 1 ขวด, ลูกตะกั่ว 321 ลูก, กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 นัด และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ สีดำ 1 เครื่อง
ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน "ทำไม้พะยูงหวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาต", มาตรา 48 ฐาน "แปรรูปไม้พะยูงหวงห้ามในเขตควบคุมการแปรรูป มีไม้แปรรูปหวงห้ามเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต", มาตรา 69 ฐาน "ครอบครองซึ่งไม้พะยูงหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาต", มาตรา 70 "ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้น" นอกจากนี้ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ฐาน "มีอาวุธปืน (ปืนแก๊ป) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน" และ "มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"
เจ้าหน้าที่ได้นำไม้พะยูงหวงห้ามของกลาง จำนวน 130 ท่อน พร้อมทั้งเลื่อยตัด 1 ปื้น ไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.1 ส่วนอุปกรณ์ของกลางอื่นๆ ได้มอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป