ทหารยศ พ.อ.อ. ชิงทองน้ำหนัก 160 บาท เครียดสั่งเสียครอบครัว ขอโทษผู้บังคับบัญชา ขณะเข้าจับกุมกำลังดูยูทูปศึกษาวิธีย้อมแปรรูปทองคำ ตร. เผยรวบรวมหลักฐานจากกล้องรถบรรทุกบนถนนสายเอเชีย แกะรอยจนพบพิรุธ
ความคืบหน้าคดีทหารอากาศ ยศ พ.อ.อ. เป็นคนร้ายชิงทอง 160 บาท ในห้างฯ จ.พระนครศรีอยุธยา วันนี้ (27 มี.ค.68) ระหว่างการการควบคุมตัว ผู้ต้องหาได้ร้องขอให้โทรศัพท์ไปติดไปถึงผู้บังคับบัญชาและครอบครัว โดยฝากฝังสั่งเสียกับครอบครัว และขอโทษผู้บังคับบัญชาที่ทำให้เสื่อมเสียไปถึงหน่วยทหาร นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังพูดคุยกับตำรวจเวรเฝ้าห้องขัง ว่ารู้สึกเครียดและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป และไม่ได้ตั้งใจจะใช้อาวุธปืนยิงใครเพียงต้องการข่มขู่เท่านั้น
ทางด้าน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ พ.อ.อ. วรพจน์ อายุ 43 ปี ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มี.ค.68 โดยใช้อาวุธปืนเข้าไปชิงสร้อยทอง 12 เส้น น้ำหนักรวม 160 บาท รวมมูลค่ากว่า 7.7 ล้านบาท จากนั้นหลบหนีไปทางถนนสายเอเชีย ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างและไปลงระหว่างทาง เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถยนต์กระบะที่จอดหลบซ่อนไว้
ทั้งนี้ หลักฐานสำคัญในการสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายใน 3 วัน คือการใช้ข้อมูลข่าวสารและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดรถบรรทุกซึ่งวิ่งไปมาบนถนนสายเอเชีย จนเห็นคนร้ายลงรถจักรยานยนต์รับจ้างในจุดเกิดเหตุ และสามารถไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง หลังโรงพยาบาลภูมิพล ในกรุงเทพฯ กระทั่งเมื่อคืนวานนี้ (26 มี.ค.68) ทราบว่าคนร้ายหลบซ่อนอยู่ในค่ายทหาร จึงนำกำลังเข้าไปตรวจคนในห้องพัก พบของกลางเป็นสร้อยคอทองคำ อาวุธปืน เครื่องแต่งกาย
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่ามาอบรมกับหน่วยทหาร จะเดินทางกลับในวันนี้ แต่มาถูกตำรวจจับเสียก่อน ตั้งใจจะอาศัยจังหวะช่วงเดินทางกลับบ้านที่ภาคอีสาน นำทองหลบหนีไป พร้อมยอมรับว่า ได้ไปดูลาดเลาที่จุดเกิดเหตุมาแล้ว 2 วัน จนมั่นใจ และรู้เส้นทางในการเข้าก่อเหตุและหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเข้าจับกุม ผู้ต้องหากำลังดู YouTube เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการย้อมแปรรูปสร้อยคอทองคำ เพราะพบว่าสร้อยที่ได้มีขนาดใหญ่และมีตำหนิรูปพรรณจำนวนมาก ไม่สามารถนำไปปล่อยขายได้ จึงเตรียมศึกษาและนำกลับไปแปรรูปที่บ้านเกิด ส่วนสาเหตุแรงจูงใจในการก่อเหตุมาจากผู้ต้องหามีหนี้สินนอกระบบและการพนัน