ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ใจหายอีกแล้ว เพราะสัญญาณแจ้งเตือนที่ศูนย์ราชการ อาคารเอ ทั้งสัญญาณเสียงและสัญญาณเตือนปากสู่ปาก เกิดขึ้น 2 ครั้งรวด ภายในอาทิตย์เดียว ตื่นตระหนกคิดไปเอง หรือเพราะเกิดจากสิ่งนี้ ?
ใจหายแทบไม่อยากทำงาน เพราะสัญญาณเตือนนี่แหละ เหล่าข้าราชการและพนักงานภายในตึก เลยวิ่งกรูกันออกมายืนออกันแบบงง ๆ ที่หน้าอาคารเอ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ลองถามเจ้าหน้าที่ รปภ. คิดไปเองหรือเปล่า
ต้นเหตุเพราะสัญญาณแจ้งเตือนมาจากอีกที่ ทำสับสน แต่วิ่งไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ตื่นตกใจยังไม่ทันจะหายเหนื่อย ก็มีประกาศจากจากอาคารอีกครั้ง
พอทุกอย่างสงบลง คุณศราวุธ จึงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง พอมองสังเกตไปทางสะพานข้ามแยก หน้าตึกดีเอสไอ เห็นรถพ่วงขนาดใหญ่วิ่งข้ามสะพาน ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว ไม่สามารถทำได้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ถึงทำให้คนในอาคารเข้าใจผิดวิ่งตามกันมา ถ้ายังไงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลเรื่องนี้หน่อย เพราะถ้าปล่อยสั่นสะเทือนบ่อย ๆ สะพานเกิดถล่มขึ้นมาจะเป็นเรื่องอีก
ไหน ๆ ไปถึง DSI แล้ว แวะไปถามอธิบดี DSI หน่อย ก็ยืนยันตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พูดว่า ได้เซ็นรับเป็นคดีพิเศษแล้วจริง แต่รับเฉพาะคดีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือ "นอมินี" อย่างเดียวก่อน เพราะมีหลักฐานมากพอเชื่อได้ว่ากระทำผิดจริง โดยได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา 35 นาย ให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งรายชื่อกรรมการหุ้นส่วนของบริษัทผู้ก่อสร้างตึก รวมถึงรายชื่อชาวไทยที่ถือหุ้น เพื่อพิสูจน์ทราบเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น
และที่สำคัญต้องหาให้ได้ว่า เหตุใดจึงมีการไปถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ ก่อนนัดประชุมคณะพนักงานสอบสวน วันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) แล้วถ้าเจอความผิดอื่น ๆ ก็ค่อยเพิ่มเป็นคดีพิเศษภายหลังได้
ขณะที่ คุณอภิเอก ผู้สื่อข่าว ไปลงพื้นที่ซอยอยู่เจริญ แขวงและเขตดินแดง ที่บริษัท ไชน่าเรลเวย์ฯ ได้มาเช่าเปิดเป็นสำนักงานชั่วคราวเพื่อทำงาน ก็ได้ภาพวงจรปิดมุมนี้มา จากภาพจะสังเกตเห็นคนเดินไปมา กลุ่มคนเหล่านี้ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าว และส่วนใหญ่เป็นชาวจีน
เราได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า ตอนแรกเธอก็ไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุ อาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม รู้แต่ว่ามีชาวจีน และคนไทย มาซื้อเหล้า เบียร์ กลับไปดื่มสังสรรค์กัน ก็คิดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะกินนอนอยู่ที่นี่เลย
เราได้คุยกับ นายอาคม สุทธิบุญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตดินแดง ที่ไปลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอาคาร ให้ข้อมูลว่า สำนักงานเขตมีการตรวจสอบในเรื่องของภาษีที่ดิน และภาษีป้ายอากรบริษัท
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีการชำระภาษีมาจริงตลอด 3 ปี แต่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มีการจ่ายปีละเท่าไหร่ และใครเป็นผู้จ่าย ใครเป็นเจ้าของตึก หรือเป็นผู้เช่าในสัญญา เป็นผู้จ่าย หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีการจ่ายภาษีอากรไม่ครบ ก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย
ขณะที่ ตำรวจก็อยู่ระหว่างค้นหาภาพกล้องวงจรปิดย้อนหลัง โดยเฉพาะช่วงวันที่ 30 มีนาคม ที่พบว่ามีคนไปพาพนักงานบริษัทดังกล่าว ขนเอาเอกสารและของออกไป หลังเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม เพียงแค่ 2 วัน