ชาวอเมริกันออกมารวมตัวประท้วงทั่วสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในยุโรป หลังไม่เห็นด้วยกับนโยบายของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก
วันนี้ (6 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากนับร้อยประเทศทั่วโลก จนถูกจีนใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 34% ทาง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โพสต์ข้อความ ขอให้ชาวอเมริกันอดทนรับความลำบากจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น อีกไม่นานเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโชติช่วงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่เห็นด้วย และได้มีการรวมตัวกันประท้วงในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ อาทิ กรุงวอชิงตัน ดีซี, นครนิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส, ชิคาโก ฯลฯ เพื่อต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และนายอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาคนสำคัญ ตั้งแต่เรื่องการปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจำนวนมาก การดำเนินนโยบายขวาจัด เลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่คนจำนวนมากรับไม่ได้คือการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งทำให้พวกเขาเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซ้ำเติมค่าครองชีพยุคไข่ไก่ราคาแพงหนักขึ้นอีก
ขณะที่ยุโรปก็มีการประท้วง โดนัลด์ ทรัมป์ ในหลายเมืองอาทิ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยมองว่า สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่น และทำลายความความสัมพันธ์อันดีต่อมิตรประเทศ
ทั้งนี้ ผลสำรวจบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมในตัว “โดนัลด์ ทรัมป์” ลดลงเหลือร้อยละ 43 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2