วันนี้ (8 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายณัฐพงษ์ อายุ 24 ปี พนักงานขับรถบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ ผู้ก่อตั้งเพจ ดร.แก้วช่วยได้ และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการ จ.นนทบุรี
หลังถูกอดีตแฟนสาว น.ส.มิว อายุ 22 ปี ซึ่งรู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก และคบหากันเพียง 4 เดือน หลอกลวงให้โอนเงิน ใช้หนี้แทน และอ้างว่าตั้งครรภ์ รวมถึงก่อเหตุทำให้โทรศัพท์มือถือของตนสูญหาย จนสูญเงินรวมไปเกือบ 100,000 บาท
โดยนายณัฐพงษ์เผยว่า ตนทุ่มเทความรักและให้การดูแลฝ่ายหญิงด้วยความห่วงใย แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าร้องเรียนเพื่อเตือนภัยสังคม และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีโดยเร็ว
ซึ่งทางนายณัฐพงษ์ เล่าว่า เมื่อช่วงเดือนพ.ย. 67 ตนได้รู้จักและเริ่มต้นพูดคุยกับหญิงสาวรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งชื่อว่า “มิว” ตนได้เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแฟนกันหลังจากคุยกันไม่นาน โดยฝ่ายตนให้ความรักและดูแลเป็นอย่างดีจากนั้นผ่านไปประมาณ 1 เดือน ในช่วงเดือน ธ.ค.67 หลังจากคบกันได้ไม่นาน มิวบอกตนว่าได้ตั้งครรภ์ โดยเอาที่ตรวจครรภ์ให้ตนดู หลังจากไปตรวจในห้องน้ำประมาณ 20 นาที ปรากฏว่าผลตรวจออกมาว่าตั้งครรภ์ ทำให้ตนดีใจและเกิดความกังวลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าพ่อแม่ทั้งฝ่ายตนและฝ่ายหญิงจะคิดมาก
ตนจึงทบทวนตัวเองและตั้งใจจะปรับเปลี่ยนนิสัยให้ดีขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และดูแลแฟนสาวเป็นอย่างดี โดยพามาอยู่บ้านด้วยกันในฐานะสามีภรรยา ดูแลเรื่องอาหารและของใช้ทุกอย่าง รวมถึงรับ-ส่งไปทำงานตลอด พยายามดูแลอย่างเต็มที่
แต่ระหว่างที่คบกัน มิวเริ่มขอเงินจากตนเป็นระยะ โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางการเงินและต้องใช้หนี้ รวมถึงอ้างว่าต้องการเงินไปฝากครรภ์ ซึ่งตนก็ยินดีช่วยเหลือ พร้อมกับเตรียมพาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์ แต่เมื่อถึงวันนัด มิวกลับมีข้ออ้างเสมอ
ต่อมาช่วงเดือนก.พ. 68 บ้านของนายณัฐพงษ์ของมีค่าเริ่มหาย ในช่วงเวลาดังกล่าว มิวเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวนายณัฐพงษ์มากที่สุด แต่เนื่องจากความไว้ใจ จึงไม่ได้คิดอะไร และพยายามหาหลักฐานก่อนตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่
แต่สุดท้ายความรักและความฝันทุกอย่างจบลง เมื่อตนจะพาแฟนสาวไปฝากครรภ์กับหมอ แต่มิวปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง และหาข้ออ้างไม่ยอมไป เพื่อนสนิทของตนจึงเกิดความสงสัย และทักข้อความมาขอรูปอัลตราซาวนด์ทั้งหมดที่มิวส่งให้ดู
ปรากฏว่าเพื่อนได้นำภาพไปตรวจสอบและพบว่า รูปอัลตราซาวนด์ดังกล่าวเป็นของคนอื่นที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต โดยข้อมูลที่เขียนเป็นชื่อของผู้ตั้งครรภ์คนอื่น และโรงพยาบาลที่มิวอ้างว่าไปตรวจครรภ์ก็ไม่ตรงกัน ที่สำคัญ ต้นฉบับของภาพอัลตราซาวนด์เป็นของผู้ตั้งครรภ์เมื่อปี 2019 แต่ทางมิวได้นำภาพไปเปลี่ยนวันที่ให้เป็นปัจจุบัน แต่ไม่ได้เปลี่ยนชื่อของผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อตนเคยสอบถามเรื่องนี้ มิวอ้างว่าชื่อที่ปรากฏเป็นชื่อหมอผู้ตรวจ ทำให้ตนหลงเชื่อสนิท ก่อนที่เพื่อนจะส่งภาพต้นฉบับของผู้ตั้งครรภ์จริงมาให้เปรียบเทียบ
หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว มิวก็ไม่ยอมรับว่าโกหก และให้คำตอบที่คลุมเครือ อีกทั้งยังบ่ายเบี่ยงที่จะไปพบแพทย์ จนกระทั่งแม่ของตนรับรู้เรื่องราวและมาพูดคุยกับมิว เพื่อหาทางช่วยกันแก้ปัญหา โดยเสนอให้พามิวไปพบแพทย์พร้อมกันเพื่อยืนยันผลตรวจ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล มิวอ้างว่ากินยาขับเลือดและแท้งลูกไปแล้ว ทำให้ตนสติแตกเพราะเสียใจ
โดยสุดท้ายมิวจำนนต่อหลักฐาน และยอมไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ผลปรากฏว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ หลังจากทราบความจริง ตนจึงตัดสินใจแยกทาง และไปส่งมิวกลับบ้านที่ จ.สมุทรปราการ หลังจากแยกทางกันไป เพื่อนสนิทของมิวก็มาให้ข้อมูลหลายอย่าง ทั้งเรื่องโทรศัพท์มือถือหาย และเรื่องเงินในบัญชีถูกถอนออก เพราะมิวเคยขอให้ตนสมัครเว็บพนันให้ แล้วใช้บัญชีของตนโอนเงินเข้าไปในเว็บพนัน ซึ่งเพื่อนของมิวมีหลักฐานแคปแช็ตไว้
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ตนตัดสินใจแยกทางกันไปล่าสุดวันที่ (29 มี.ค.68) ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปพร้อมครอบครัวเพื่อไปคุยกับมิวในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น โดยตนได้รับการประสานจากเจ้าหนี้ของมิวที่เคยยืมเงินกันหลักหมื่นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ได้เดินทางไปพร้อมกับตนไปที่บ้านมิวสมุทรปราการ โดยเดินทางไปถึงหน้าบ้านแล้วมิวได้เชิญให้ตนเข้าไปพูดคุยกันในบ้าน แต่ปรากฏว่าหลังจากพูดคุยกันมิวได้เรียกเจ้าหนี้เข้ามาหาแล้วทำร้ายร่างกาย หลังเกิดเหตุตนก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันว่าไม่ได้บุกรุก รวมถึงเจ้าหนี้ได้แจ้งความในเรื่องของทำร้ายร่างกายเมื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมด
โดยนายณัฐพงษ์จึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยให้กับคนอื่น ๆ ยืนยันว่าระหว่างที่คบกัน ตนรักเขาจริง ๆ และทุ่มเทให้ทุกอย่าง แต่กลับถูกหักหลัง ตอนนี้ความรู้สึกเหลือแต่เพียง “ความแค้น” ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ มิวไม่ยอมรับ ยกเว้นเพียงเรื่องตั้งครรภ์ ที่เขายอมรับว่าไม่ได้ท้อง ปัจจุบันตนได้แจ้งความไว้ที่ สน.มีนบุรี
ดร.ปรเมศร์ กล่าวว่า ทางเพจ ดร.แก้วช่วยได้ ยินดีรับเรื่องร้องเรียนสำหรับผู้ที่เดือดร้อน ถูกเอาเปรียบ หรือถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ส่วนกรณีนี้ แม้เราไม่ได้ติดใจเรื่องเงิน แต่ต้องการเตือนภัยว่าอย่าทำแบบนี้กับคนอื่น น้องเขาอยากมีลูก อยากมีครอบครัวที่ดี แต่สุดท้ายกลับถูกหลอก นี่เป็นอีกแนวทางหนึ่งของมิจฉาชีพ