เช้านี้ที่หมอชิต - คืบหน้าการกู้ซากตึก สตง.ถล่ม และค้นหาผู้สูญหาย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยเตรียมจัดพิธีทำบุญสวดมนต์ให้ผู้เสียชีวิตและรอดชีวิต พร้อมคาดการกู้ซากตึกจะนำซากออกหมดได้ปลายเมษายนนี้ ขณะที่ นายกฯ ขีดเส้น 90 วัน หาความจริงตึก สตง.ถล่ม ส่วนญาติ ๆ ที่มาเฝ้ารอผู้สูญหาย เสียงส่วนใหญ่อยากพาพวกเขากลับบ้านไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม
เป็นนาทีที่ญาติและครอบครัวของผู้สูญหาย ร่วมพิธีขอขมากรรมเจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเปิดทาง เพราะส่วนใหญ่อยากพาสมาชิกครอบครัวซึ่งติดใต้ซากตึกออกมาโดยเร็ว
ท่ามกลางเร่งกู้ซากตึก ซึ่งปรับแผนรื้อซากตึกและค้นหาผู้สูญหาย โดยใช้รถแบ็กโฮขึ้นไปโซน D เพื่อลดยอดซากตึกลงอีก 5 เมตร หลังพบผู้สูญหายส่วนใหญ่ในโซน B และ C ซึ่งถ้าเปิดโพรงโซน D ได้สำเร็จ คาดจะพบผู้สูญหายเพิ่มขึ้น
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม. เผยว่า ขณะนี้รื้อซากปรักหักพังได้แล้ว 10,000 ลูกบาศก์เมตร จาก 26,000 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นประมาณ 30% และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ยังคงเร่งรื้อซากตึกตามปกติ คาดว่า ปลายเดือนเมษายน น่าจะนำกองซากทั้งหมดออกได้ ทั้งนี้อาจมีการทำบุญให้กับผู้ประสบเหตุ ทั้งเสียชีวิตและรอดชีวิต เป็นการสวดมนต์ให้ ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่ทำ จะไม่ให้กระทบการทำงาน แต่จะทำให้ญาติ ๆ ได้สบายใจขึ้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย
ส่วนผลค้นหาผู้สูญหาย สรุปยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 21 คน ยังอยู่ระหว่างติดตาม 73 คน
เรื่องทางคดี นายกฯ แพทองธา ก็ฉุนที่เดิมขีดเส้น 7 วัน ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องตึก สตง. ถล่ม จึงสั่งกำชับใช้กฎหมายดำเนินคดีเด็ดขาด โดยใน 90 วันนี้ ข้อเท็จจริงต้องทราบ เบื้องต้น จึงมอบให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ 4 สถาบันการศึกษา และกรมโยธาฯ ทำโมเดลของแต่ละแห่ง เพื่อใช้วิเคราะห์ชั้นสูง ค้นหาสาเหตุว่าอะไรเป็นปัจจัยทำให้อาคารถล่มลงมา พร้อมสั่งทบทวนกระบวนการอนุมัติอาคารทั้งภาครัฐ-เอกชน รองรับแผ่นดินไหวในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งต่อผู้ใช้อาคารและประชาชน
ด้าน พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่จุดตึก สตง.ถล่ม พร้อมเชิญ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, กรมโยธาธิการและผังเมือง และ สมอ. ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้้อมูลการพิจารณาความผิดเกี่ยวกับเรื่องนอมินี
เพื่อเข้าใจตรงกันว่า ต้องการพยานหลักฐานอะไร ประกอบพิจารณาความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยจะเป็นคนละส่วนกับที่ตำรวจดำเนินการอยู่ และอาจจะมีรายละเอียดบางส่วนที่เกี่ยวพันกันซึ่งต้องพิจารณากันอีกที
ส่วนกรณี ชายสัญชาติไทย 3 คนที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ตอนนี้ยังไม่ติดต่อกับดีเอสไอ จึงอยากให้แสดงตัว เพราะเจ้าหน้าที่เป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย
โดยการหายไปอาจมีหลายสาเหตุ และในฐานะที่ทั้ง 3 ราย เป็นคนไทย อยากให้ออกมาแสดงตัวตนเพราะประเทศไทยได้รับผลกระทบเยอะ ออกมาทำหน้าที่ของคนไทย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการเร่งติดตามอยู่
ขณะที่ ผู้รับเหมาช่วง 28 โครงการ หนึ่งในนี้มี "ช่างเบิร์ด" เข้าให้ข้อเท็จจริงกับดีเอสไอ ซึ่งยังยืนยันข้อเท็จจริงเดิมว่า เบิกจ่ายเงินเป็นทอด ๆ จริง และไม่รู้ว่าบริษัทที่ว่าจ้างตนไปคุยกับบริษัทที่รับสัมปทานโดยตรงอย่างไร แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมจ่ายเงินให้เสียที
และวันนี้ (9 เม.ย.) เดิม บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด นัดแถลงข่าว ปรากฏว่าแจ้งเลื่อน โดยทีมข่าวตรวจสอบกับบริษัท แจ้งว่า ขอฟังข้อมูลการแถลงจากกระทรวงอุตสาหกรรมวันที่ 10 เมษายนนี้ ก่อน แล้วจะนัดแถลงข่าวอีกครั้ง