เอ๋ มิราโพสต์แจงคดีพรากผู้เยาว์ยอมความไม่ได้ แม่ไปรับเงินค่าเสียหายที่ศาล ทนายพัฒน์ เผยยังต้องลุ้นศาลฎีกาพิพากษาคดีครูไพบูลย์ การแถลงไม่ติดใจเอาความ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำมาวินิจฉัย
คดีพรากผู้เยาว์ ระหว่างเอ๋ มิรากับครูไพบูลย์ อดีตสามี ล่าสุดในวันนี้ (9 เมษายน 2568) ทนายพัฒน์ นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยข่าวดีว่า คดีพรากผู้เยาว์ที่เรื้อรังมายาวนาน สามารถเจรจายุติได้สำเร็จ โดยครูไพบูลย์ แสงเดือน ยินยอมชำระเงินค่าเสียหายเป็นจำนวน 800,000 บาท แม้ศาลจะมีคำพิพากษาไว้เพียง 350,000 บาท ก็ตาม ถือเป็นการแสดงเจตจำนงเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ทนายพัฒน์ ยังได้โพสต์ภาพจังหวะสวมกวดระหว่างครูไพบูลย์กับกาญจนาพร แม่ของ เอ๋ มิรา พร้อมบรรยายแคปชันใต้ภาพว่า ทุกข์ใจกันมานานโดยเข้าใจกันผิด วันนี้ได้พูดคุย โล่งใจทุกฝ่าย แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ อดีตที่ผ่านมาให้มันผ่านไป คุณแม่กาญจนาพร แม่ของเอ๋มิรา แถลงไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและอาญาอีกต่อไป รอลุ้นว่า ศาลฎีกาจะพิพากษาอย่างไรต่อไป ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
ทางด้านครูไพบูลย์ แสงเดือน ได้โพสต์ขอบพระคุณแม่อึ่ง ทนายเต้ ทนายพัฒน์ และทีมงานทุกคน วันนี้เป็นอีกวันที่ทำให้ผมทราบซึ้งและดีใจมาก ๆ ที่ทนายพัฒน์ทนายของเอ๋ พาคุณแม่มายื่นแถลงต่อศาล ว่าไม่ติดใจเอาความในคดีพรากผู้เยาว์ระหว่างผมกับเอ๋ที่พิพาทกันมายาวนาน ซึ่งความเป็นจริงที่ผ่านมาตั้งแต่เราอยู่ด้วยกัน จนตอนนี้ผมไม่เคยโกรธ เกลียดชังใครเลย แต่ก็ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปเยียวยาทุกรอยแผลใจ ด้วยความรักความเมตตาของแม่ และด้วยคำแนะนำดี ๆ จากพี่ทนายเต้และทนายพัฒน์ ต่อจากนี้ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่พ่อ-แม่ที่ดีของลูก ทำมาหากินด้วยความสุจริต ผมเองก็จะดูแลลูกชายทั้ง 2 ให้ดีที่สุด เท่าชีวิตผู้ชายคนนี้จะทำได้
หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป เอ๋ มิรา หรือ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ โพสต์ชี้แจงว่า คดีพรากผู้เยาว์มันเป็นอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ ที่เห็นแม่ของเอ๋ ไปศาล แม่ไปรับเงินค่าเสียหายในส่วนที่ศาลบอก เรื่องคดียังคงดำเนินต่อไป เอ๋มิรา ยังได้ขอบคุณ อาจารย์ประจักษ์ชัย พี่เบิร์ด และป๋าเทพ ที่ผ่านมาคอยช่วยเหลือเอ๋ พร่อมย้ำทิ้งท้ายว่า เอ๋มิรารักและเคารพทุกคนเสมอ ไม่มีวันลืม
เช่นเดียวกับ ทนายพัฒน์ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงด้วยว่า ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่อาจยอมความกันได้ แต่การที่ผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำมาวินิจฉัยลงโทษในทางที่เป็นคุณแก่จำเลย มิได้หมายความว่าคดีไม่ได้เดินหน้าต่อ