หลายชาติในอาเซียน เริ่มต่อคิวนัดเจรจากับทางสหรัฐฯ หวังลดผลกระทบ จากการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากหลายสิบประเทศ
วันนี้ (9 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากหลายสิบประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ (9 เม.ย. 68) เมื่อเวลา 00.01 น. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ หรือเวลา 11.01 น. ตามเวลาในไทย ทำให้หลายชาติเกิดความกังวลขึ้น และได้เริ่มเจรจรากับทาสหรัฐฯ รวมทั้งชาติในอาเซียนด้วย
ทางรองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เตรียมพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ เพื่อหารือลดผลกระทบด้านภาษีที่เวียดนามถูกเรียกเก็บเพิ่มสูงถึง 46 เปอร์เซ็นต์ โดยก่อนหน้านี้ เวียดนามประกาศจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าด้านการทหารและความมั่นคง นอกจากนี้ เวียดนามจะพิจารณาปรับเงื่อนไขในข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับสหรัฐฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามมีแผนที่จะพบกับผู้บริหารของบริษัทโบอิง, สเปซเอ็กซ์ และแอปเปิล ในสัปดาห์นี้ด้วย
ส่วนอินโดนีเซียจะส่งผู้แทนระดับสูงไปยังสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า พร้อมกับประกาศจะลดภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก, ผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ และอุปกรณ์การแพทย์ ให้กับสหรัฐฯ เหลือ 0-5 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในข้อเสนอเจรจา เพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีอีก 32 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะซื้อสินค้าประเภทก๊าซ LPG, ก๊าซ LNG และถั่วเหลือง จากสหรัฐฯ
ขณะที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ก็กำลังเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เช่นกัน แม้ว่าการส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ของภาคการส่งออกมาเลเซีย ซึ่งนับว่ามาเลเซียได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ
ส่วนไทย ได้รับการตอบรับจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เพื่อเจรจาแล้วอยู่ระหว่างนัดวันเจรจา โดยรัฐบาลไทยจะให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปเจรจาในรอบแรก ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยกระทรวงพาณิชย์จะรับผิดชอบต่อ