ข่าวภาคค่ำ - มาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ เริ่มขึ้นแล้ววันนี้ ทั่วโลกได้รับผลกระทบถ้วนหน้า จนถึงขณะนี้ในส่วนของประเทศไทย ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเจรจาต่อรอง
ชาติอาเซียนจ่อคิว หารือลดผลกระทบภาษีสหรัฐฯ
มาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จากหลายประเทศ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (9 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.01 น. ตามเวลาในไทย
ล่าสุด จีนประกาศมาตรการตอบโต้ภาษีต่อสหรัฐฯ เพิ่มอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากรวมกับที่จีนประกาศขึ้นภาษีไปแล้วก่อนหน้านี้ 34 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คิดเป็น 84 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 104 เปอร์เซ็นต์
โดยการเจรจาต่อรอง ในกลุ่มประเทศอาเซียน วันนี้ (9 เม.ย.) รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม จะพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือลดผลกระทบด้านภาษี ที่ถูกเรียกเก็บเพิ่มสูงถึง 46% โดยก่อนหน้านี้ เวียดนามประกาศจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าด้านการทหารและความมั่นคง
ส่วนอินโดนีเซียจะส่งผู้แทนระดับสูงไปยังสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า พร้อมกับประกาศจะลดภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก, ผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ และอุปกรณ์การแพทย์ ให้กับสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีอีก 32% และมีแผนจะซื้อสินค้าประเภทก๊าซ LPG, ก๊าซ LNG และถั่วเหลือง จากสหรัฐฯ ด้วย
ขณะที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กำลังเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แม้การส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ จะมีเพียง 11% ซึ่งมาเลเซียได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่นในแถบเดียวกัน
สภาฯ ปัด ยังไม่พิจารณา "กาสิโน"
ในส่วนของประเทศไทย ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเจรจา แม้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้เลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ พ.ร.บ. เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน
และเปลี่ยนเป็นการพิจารณา ญัตติด่วน เรื่องแนวทางการรับมือ และแก้ไขปัญหา ผลกระทบ จากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้า-ส่งออก ของสหรัฐฯ เพื่อส่งให้ รัฐบาลมาพิจารณาแทนรวม 10 ญัตติ ซึ่ง สส. ทั้งหมดเห็นตรงกันว่า มาตรการนี้กระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ประกอบการด้านการเกษตร ทั้งเลี้ยงสัตว์ อาหารสัตว์ พืชผลการเกษตรหลายชนิด รวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ รัฐบาลควรเจรจาเพื่อให้ไทยเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด
ซึ่งรัฐบาลส่ง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเจรจากับสหรัฐฯ เข้ารับฟังข้อเสนอแนะ ในที่ประชุมสภาด้วย
ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ "ภาษีทรัมป์" เสมือนแผ่นดินไหวในระดับรุนแรงของเศรษฐกิจโลก อาจทำให้ GDP โลกวูบ เหลือ 2.8% จากที่คาดการณ์ไว้ 3.2% เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน และเสี่ยงจะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค พร้อมแนะรัฐบาลรีบต่อรองและเจรจา
ซึ่งผลจาก "ทรัมป์เอฟเฟกต์" ยังทำให้ราคาทองคำวันนี้ ผันผวนต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงไป 15 ครั้ง โดยรวมปรับขึ้น 300 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่ง ขายออกที่บาทละ 49,850 บาท และทองรูปพรรณ บาทละ 50,650 บาท
ส่วนตลาดหุ้นไทย ระหว่างวันนี้เคลื่อนไหวลงเล็กน้อย ก่อนจะปิดตลาดกลับไปเป็นบวกที่ระดับ 1,088 จุด หรือบวก 13.59 จุด (1.26 %) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,942 ล้านบาท